สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม สหราชอาณาจักรได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกชาติที่ 12 ในข้อตกลงความครอบคลุมและความก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางการค้าภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก หรือ CPTPP ในขณะที่อังกฤษกำลังมองหาโอกาสในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และสร้างความเชื่อมโยงทางการค้าทั่วโลกหลังถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (เบร็กซิท)

 

นายริชี ซูแน็ก นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวในแถลงการณ์ว่า “การเข้าร่วมกลุ่ม CPTPP ทำให้สหราชอาณาจักรเป็นศูนย์กลางของกลุ่มเศรษฐกิจแปซิฟิกที่มีพลวัตและกำลังเติบโต” พร้อมกับกล่าวเสริมว่าข้อตกลงดังกล่าวแสดงให้เห็นถึง “ประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของเสรีภาพหลังเบร็กซิท”

 

การเป็นสมาชิกของ CPTPP จะช่วยเสริมสร้างความตกลงการค้าเสรีแบบทวิภาคีที่อังกฤษมีกับประเทศสมาชิกส่วนใหญ่ และทำให้การดำเนินธุรกิจมีตัวเลือกมากขึ้นเกี่ยวกับเงื่อนไขในการทำการค้า

อังกฤษให้ข้อมูลว่าข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งจะลดภาษีรถยนต์ สุรา และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเงินราว 1.8 พันล้านปอนด์ หรือราว 6.13 หมื่นล้านบาทต่อปีในระยะยาว โดยตัวเลขดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้นอีกหากประเทศอื่นๆ เข้าร่วมเป็นสมาชิกมากขึ้น แซลลี โจนส์ หัวหน้ายุทธศาสตร์การค้าจากบริษัทอีวาย (EY) ระบุว่า “คาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศแถบมหาสมุทรแปซิฟิกจะเติบโตเร็วกว่ายุโรป 2 เท่า เพราะฉะนั้นธุรกิจในอังกฤษควรคำนึงถึงการมีอยู่ของภูมิภาคนี้”

 

ชาติสมาชิกอื่นๆ ของข้อตกลง CPTPP ได้แก่ บรูไน แคนาดา ชิลี มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ เปรู สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเวียดนาม

 

ที่มา มติชนออนไลน์

วันที่ 31 มีนาคม 2566