โลกแบ่งขั้ว : เหตุการณ์ "สหรัฐ" โจมตีฐานนิวเคลียร์อิหร่าน
จับปฏิกิริยาทั่วโลก แบ่งเป็นหลายขั้ว หลายท่าทีต่อเหตุการณ์สหรัฐ ทิ้งระเบิดโจมตีฐานนิวเคลียร์อิหร่าน 3 แห่ง เสี่ยงลุกลามเป็นความขัดแย้งระดับภูมิภาค
กองกำลังสหรัฐ โจมตีฐานนิวเคลียร์อิหร่าน 3 แห่งในเมืองฟอร์โดว์ นาทานซ์ และอิสฟาฮาน เมื่อวันอาทิตย์ (22 มิ.ย.) ซึ่งตามมาด้วยปฏิกิริยาและแสดงท่าทีทั่วโลกที่แตกต่างกัน ตั้งแต่อิสราเอลยกย่องการตัดสินใจ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปจนถึงยูเอ็นเรียกร้องให้ลดระดับความรุนแรง ขณะที่อิหร่าน และประเทศอื่นๆ ประณามการโจมตี
โลกแบ่งขั้ว : เหตุการณ์ ‘สหรัฐ’ โจมตีฐานนิวเคลียร์อิหร่าน
จีน :
แม้ปฏิกิริยาจากจีนอย่างเป็นทางการยังไม่ปรากฏ แต่ในด้านการนำเสนอรายงานข่าวในสถานการณ์ปัจจุบันพบว่า จีนแสดงท่าทีชัดเจนต่อการประณามเหตุโจมตีทางอากาศของสหรัฐ ผ่านสื่อของรัฐ โดยเตือนว่า วอชิงตันดำเนินยุทธศาสตร์ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าตามที่ปรากฏใน CGTN ซึ่งเป็นสถานีข่าวต่างประเทศของสถานีวิทยุกระจายเสียงชาติจีน ได้กล่าวย้ำการกระทำของสหรัฐว่าเป็น “จุดเปลี่ยนที่อันตราย”
อิหร่าน :
“สหรัฐ ซึ่งเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้ละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ และสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Non-Proliferation Treaty – NPT) อย่างร้ายแรงด้วยการโจมตีฐานทัพนิวเคลียร์เพื่อสันติภาพของอิหร่าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเช้านี้ สร้างความขุ่นเคืองใจ และจะส่งผลกระทบต่อสมาชิกของสหประชาชาติ อันเป็นผลจากพฤติกรรมที่อันตรายอย่างยิ่ง ไร้ซึ่งกฎหมาย และเป็นอาชญากรรม
ตามกฎบัตรสหประชาชาติและบทบัญญัติที่อนุญาตให้ตอบโต้โดยชอบธรรมเพื่อป้องกันตนเอง ทั้งนี้ อิหร่านขอสงวนทางเลือกทั้งหมด เพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตย ผลประโยชน์ และประชาชนของตน” รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน อับบาส อาราคชี โพสต์ทางแพลตฟอร์ม X
อิสราเอล :
“ขอแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีทรัมป์ ต่อการตัดสินใจอันกล้าหาญ ในการโจมตีโรงงานเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ของอิหร่าน (โจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน) ด้วยพลังอำนาจที่น่าเกรงขามและชอบธรรมของสหรัฐ ซึ่งจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ ที่จะจารึกไว้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทำการปฏิเสธไม่ให้รัฐบาลที่อันตรายที่สุดในโลก มีอาวุธที่อันตรายที่สุดในโลก” นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮูกล่าว
ปากีสถาน :
“ปากีสถานประณามการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ ต่อฐานนิวเคลียร์อิหร่าน พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงที่จะเกิดการยกระดับความรุนแรงในตะวันตกกลาง” แถลงการณ์ทางการปากีสถานระบุ ซึ่งมีขึ้นหลังเพียงหนึ่งวันที่อิสลามาบัดประกาศรับรองโดนัลด์ ทรัมป์ ให้เป็นผู้สมัครชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
สหประชาชาติ :
“รู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่ง ในการที่สหรัฐใช้กำลังต่ออิหร่าน ซึ่งการกระทำในวันนี้ ถือเป็นการยกระดับความรุนแรงภูมิภาค ไปถึงจุดยืนอยู่บนขอบเหวแล้ว และยังเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศอีกด้วย ทั้งความขัดแย้งเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น และอาจลุกลามอย่างรวดเร็ว เกินกว่าจะควบคุม ซึ่งจะส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตพลเรือน ภูมิภาค และโลก” อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าว
พร้อมกันนี้ ยังเรียกร้องให้ลดระดับความรุนแรงลง และยึดมั่นตามพันธกรณีของตนเอง ภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาอันตรายเช่นนี้ สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงความสับสนวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งวิธีทางทหารไม่ใช่แนวทางแก้ไขปัญหา แต่หนทางเดียวที่จะก้าวไปข้างหน้าได้คือการทูต ความหวังเดียวคือสันติภาพ
อังกฤษ
“โครงการนิวเคลียร์อิหร่าน เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ อิหร่านไม่ควรพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และสหรัฐได้ดำเนินการเพื่อบรรเทาภัยคุกคามนี้แล้ว แต่ถึงอย่างไรสถานการณ์ในตะวันออกกลางยังไม่มั่นคง และเสถียรภาพในภูมิภาคเป็นเรื่องสำคัญที่สุด โดยอังกฤษขอเรียกร้องให้อิหร่านกลับมาสู่โต๊ะเจรจาและหาทางแก้ไขทางการทูต เพื่อยุติวิกฤตินี้” นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ กล่าว
สหภาพยุโรป :
“อิหร่านไม่ควรได้รับอนุญาตให้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เพราะจะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายถอยกลับมาสู่โต๊ะเจรจา และเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น รัฐมนตรีต่างประเทศของสมาชิกสหภาพยุโรปจะหารือถึงสถานการณ์ดังกล่าวในวันพรุ่งนี้” คาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป กล่าว
กาตาร์ :
“กาตาร์เสียใจต่อสถานการณ์ที่เลวร้ายลง อันเนื่องมาจากการทิ้งระเบิดฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน และเรากำลังติดตามสถานการณ์ผลจากการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งได้มาเป็นประเทศพี่ประเทศน้องกันไม่นานนี้ ด้วยความกังวลอย่างยิ่ง” แถลงการณ์กระทรวงต่างประเทศกาตาร์ระบุ
คิวบา :
“ขอประณามอย่างรุนแรง ต่อการที่สหรัฐทิ้งระเบิดฐานนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างน่าอันตราย โดยการรุกรานดังกล่าว ยังถือเป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และทำให้มนุษยชาติตกอยู่ในวิกฤตการณ์ ที่ไม่อาจย้อนเหตุการณ์กลับไปได้ ” มิเกล ดิอาซ-คาเนล ประธานาธิบดีคิวบาระบุ
ญี่ปุ่น :
“สิ่งสำคัญคือต้องลดระดับความขัดแย้งลงอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ญี่ปุ่นกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วยความกังวลอย่างยิ่ง” นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชิเกรุ อิชิบะ กล่าวสั้นๆ กับผู้สื่อข่าว
ออสเตรเลีย :
“เราเคยบอกอย่างชัดเจนแล้วว่า โครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยไกลของอิหร่านเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียได้รับทราบคำแถลงของประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ว่า ขณะนี้เป็นเวลาแห่งสันติภาพ สถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคมีความผันผวนสูง ออสเตรเลียยังคงเรียกร้องให้ลดความตึงเครียด เจรจา และดำเนินการทางการทูต” โฆษกรัฐบาลออสเตรเลียแถลง
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 22 มิถุนายน 2568