ปลุกพลัง Travel Tech ไทย :นำการท่องเที่ยวสู่ยุคใหม่ที่ยั่งยืนและล้ำหน้า
การท่องเที่ยวคือหัวใจสำคัญที่นำมาซึ่งเม็ดเงินมหาศาลเข้าสู่ประเทศ โดยในปี 2567 ประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 1.67 ล้านล้านบาท และหากรวมรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวในประเทศ คาดการณ์ว่าภาคการท่องเที่ยวโดยรวมจะสร้างรายได้ประมาณ 2.6-2.738 ล้านล้านบาท ตอกย้ำว่าการท่องเที่ยวเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจน้อยใหญ่มาโดยตลอด
นักวิเคราะห์จาก Deloitte คาดการณ์ว่า “การเปลี่ยนแปลงในสองทศวรรษที่ผ่านมา จะเทียบไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เรากำลังจะได้เห็นในทศวรรษหน้า” นี่คือการเปลี่ยนผ่านที่จำเป็นที่เรียกว่า “Travel Tech” หรือเทคโนโลยีเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งเข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรมนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
พลิกโฉมการท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยี:‘Travel Tech’ สำคัญกว่าที่คิด :
ในปัจจุบัน Travel Tech ได้ขยายขอบเขตไปไกล ครอบคลุมเทคโนโลยีทุกอย่างที่เข้ามาปรับปรุงและยกระดับประสบการณ์การเดินทางของผู้บริโภค รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้กับผู้ประกอบการ
ตัวอย่างเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ :
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Generative AI: ไม่ได้แค่ตอบคำถามพื้นฐาน แต่สามารถสร้าง “แผนเที่ยวในฝัน” ที่ปรับแต่งให้เข้ากับความสนใจ งบประมาณ และเวลาของนักท่องเที่ยวแต่ละคนได้อย่างละเอียด เช่น Generative AI สามารถช่วยกำหนดประสบการณ์ของลูกค้าใหม่และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรได้ และยังสามารถนำไปสู่การปรับแต่งการเสนอขายสินค้าและบริการแบบเฉพาะบุคคล (Mega micro merchandising) ได้อีกด้วย
Big Data Analytics: การนำข้อมูลขนาดใหญ่มาวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยว ทำให้ผู้ประกอบการสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจได้มากขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อยอดขายและกำไร
Internet of Things (IoT) และ Blockchain: การเชื่อมโยงอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นยิ่งขึ้น ตั้งแต่การเช็กอินอัตโนมัติ ไปจนถึงระบบความปลอดภัยที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือ
Metaverse/VR Tourism: การสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวเสมือนจริงที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจสถานที่ต่างๆ ได้จากทุกมุมโลก เป็นช่องทางใหม่ในการสร้างความสนใจและดึงดูดการเดินทางจริงในอนาคต
Travel Tech: ‘ไม้ตาย’ ที่ผู้ประกอบการไทยต้องคว้า สู่โอกาสและกำไรที่ยั่งยืน :
สำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย Travel Tech ไม่ใช่แค่สิ่งที่ต้อง “ปรับตัวตาม” แต่เป็น “โอกาสมหาศาล” ที่จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และที่สำคัญที่สุดคือสร้างแหล่งรายได้ใหม่ๆ ที่ยั่งยืน
เจาะลึกโอกาสทางธุรกิจที่จับต้องได้ เพื่อเพิ่มเม็ดเงินและผลกำไร:
ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า สร้างความผูกพันและเพิ่มยอดขาย: “แผนเที่ยวในฝัน” ด้วย Generative AI: ลองนึกภาพว่าโรงแรมของคุณสามารถสร้างแพคเกจท่องเที่ยวที่ออกแบบมาเพื่อลูกค้าแต่ละรายโดยเฉพาะ ทั้งเส้นทาง กิจกรรม ร้านอาหาร และที่พักที่แนะนำ ไม่ใช่แค่ตามกลุ่มเป้าหมาย แต่เป็นรายบุคคล สิ่งนี้จะช่วยให้คุณสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น และสร้างความผูกพันที่ลึกซึ้งกับลูกค้าได้ทันที
AI Chatbot & CRM อัจฉริยะ: แทนที่จะเป็น Chatbot ที่ตอบได้แค่คำถามทั่วไป AI Chatbot ยุคใหม่สามารถช่วยลูกค้า “จอง เปลี่ยน หรือแก้ไข” ข้อมูลการเดินทางได้แบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง
ช่วยลดภาระพนักงานและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างมหาศาล ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจใช้จ่ายและกลับมาใช้บริการซ้ำ
การจัดการรายได้ (Revenue Management) ด้วย AI: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลตลาด ราคาคู่แข่ง และพฤติกรรมการจองแบบเรียลไทม์ เพื่อแนะนำราคาห้องพักหรือบริการที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละช่วงเวลา ทำให้โรงแรมหรือผู้ประกอบการสามารถทำกำไรได้สูงสุดจากทุกการจอง
Automation และ Agentic AI: งานธุรการที่ซ้ำซ้อน เช่น การจัดการเอกสาร การตรวจสอบข้อมูล หรือการออกใบเสร็จ สามารถถูกทำให้เป็นอัตโนมัติด้วย Agentic AI ซึ่งเป็น AI ที่สามารถวางแผน ตัดสินใจ และลงมือทำได้เองอย่างเป็นระบบ [4] สิ่งนี้ช่วยลดข้อผิดพลาด ประหยัดเวลา และลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างชัดเจน ทำให้พนักงานมีเวลาไปทำงานที่ซับซ้อนและใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น
ระบบบริหารจัดการทรัพยากร: สำหรับโรงแรม หรือบริษัทรถเช่า การใช้ AI เข้ามาช่วยจัดการห้องพัก ยานพาหนะ หรือแม้แต่บุคลากร เพื่อเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์สูงสุด และลดการสูญเสียทรัพยากร
แพลตฟอร์มท่องเที่ยวเฉพาะทาง: ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มที่เจาะจงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจพิเศษ เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย หรือการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีและสร้างรายได้จากบริการที่ปรับแต่งเฉพาะกลุ่ม
มุ่งสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน “อย่างเป็นรูปธรรม”: เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้การท่องเที่ยวของเราเติบโตอย่างยั่งยืน เช่น การใช้ Big Data และ IoT ในการติดตามและบริหารจัดการจำนวนนักท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ การจัดการขยะ หรือการใช้พลังงาน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และรักษาทรัพยากรไว้สำหรับอนาคต นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงนักท่องเที่ยวกับชุมชนท้องถิ่นโดยตรง เพื่อกระจายรายได้และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นธรรม
เชื่อมธุรกิจกับอนาคต: ‘คุณจะร่วมมือกับ Travel Tech Startups ได้อย่างไร?’
การสร้างระบบนิเวศของ Travel Tech ที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ “สนับสนุนสตาร์ตอัพ Travel Tech ไทย” ซึ่งมีความเข้าใจในบริบทและความต้องการเฉพาะของตลาดไทยดีที่สุด และสามารถพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด
ผู้ประกอบการสามารถร่วมมือกับสตาร์ตอัพ Travel Tech ไทยได้หลายวิธี โดยอาจเริ่มจาก โครงการนำร่องขนาดเล็ก (Pilot Projects) เพื่อทดสอบโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ธุรกิจโดยตรง หรือ ร่วมพัฒนากับสตาร์ตอัพ (Co-creation & Partnership) ตั้งแต่ต้น เพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะ
ที่สำคัญคือ การลงทุนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Investment) ซึ่งไม่เพียงสร้างผลตอบแทน แต่ยังสร้างพันธมิตรด้านเทคโนโลยีระยะยาว ขณะเดียวกัน การแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูล ระหว่างธุรกิจกับสตาร์ตอัพก็เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมที่แม่นยำและเป็นประโยชน์ร่วมกัน
บทสรุป ถึงเวลาที่ผู้ประกอบการไทยต้อง ‘จับมือ’ กับเทคโนโลยี :
ประเทศไทยมี “เสน่ห์” ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมที่งดงาม อาหารอร่อย แหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย และอัธยาศัยไมตรีของคนไทย แต่ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ หากเราสามารถผสาน “เสน่ห์” เหล่านี้เข้ากับ “เทคโนโลยี” ได้อย่างลงตัว เราจะสามารถสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เหนือกว่า สร้างความประทับใจที่ยั่งยืน และก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวระดับโลกได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะการสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศอย่างยั่งยืน
ถึงเวลาแล้วที่เราจะร่วมมือกัน “ปลุกพลัง Travel Tech ไทย” ทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการ นักลงทุน สถาบันการศึกษา และคนไทยทุกคน เพื่อสร้างอนาคตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยวของเรา
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 24 มิถุนายน 2568