เผยรับวัคซีนชะงักทั่วโลก ทิ้งเด็กหลายล้าน เสี่ยงต่อโรคที่ป้องกันได้
ความพยายามในการฉีดวัคซีนให้เด็กทั่วโลกหยุดชะงักตั้งแต่ปี 2010 ทำให้เด็กหลายล้านคนเสี่ยงต่อโรคบาดทะยัก โปลิโอ วัณโรค และโรคอื่นๆ อีกมากที่สามารถป้องกันได้ง่ายผ่านการฉีดวัคซีน
การวิเคราะห์แนวโน้มการฉีดวัคซีนทั่วโลกชิ้นใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Lancet เมื่อวันอังคารที่ 24 มิถุนายน ระบุว่า การป้องกันโรคหัดลดลงใน 100 ประเทศระหว่างปี 2010-2019 ถือเป็นการทำลายความก้าวหน้าหลายทศวรรษที่ผ่านมา แนวโน้มดังกล่าวยังเกิดขึ้นในประเทศร่ำรวยที่ก่อนหน้านี้เคยกำจัดโรคหัด ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่แพร่ระบาดได้ง่ายไปแล้วด้วยเช่นกัน
เฮเลน เบดฟอร์ด ศาสตราจารย์ด้านสุขภาพเด็กจาก University College London ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานวิจัยกล่าวว่า รองจากน้ำสะอาดแล้ว การฉีดวัคซีนเป็นวิธีการป้องกันสุขภาพของเด็กๆ ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด พร้อมเตือนว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีผู้ปกครองจำนวนมากขึ้นที่ไม่ฉีดวัคซีนให้บุตรหลาน ซึ่งหนึ่งในเหตุผลหลักคือการได้รับข้อมูลที่ผิดพลาด
เบดฟอร์ดกล่าวว่า ในอังกฤษ สถานการณ์ดังกล่าวทำให้มีรายงานผู้ป่วยโรคหัดมากที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 และมีทารกเสียชีวิตจากโรคไอกรนเกือบ 12 ราย นอกจากนี้ อัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐก็ลดลงเช่นกัน โดยมีจำนวนการขอยกเว้นการฉีดวัคซีนที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
หลังจากองค์การอนามัยโลกจัดทำโครงการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันพื้นฐานในปี 1974 หลายประเทศก็ได้ดำเนินความพยายามครั้งใหญ่ในการปกป้องเด็กจากโรคที่ป้องกันได้ และบางครั้งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต โครงการนี้ได้รับการยกย่องว่าสามารถฉีดวัคซีนให้กับเด็กได้มากกว่า 4 พันล้านคน และช่วยชีวิตผู้คนทั่วโลกไปแล้วกว่า 154 ล้านคน
ตั้งแต่โครงการนี้เริ่มต้นขึ้น จำนวนเด็กที่ได้รับวัคซีนป้องกันคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน 3 โดสทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจาก 40% เป็น 81% ขณะที่จำนวนของเด็กที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดก็เพิ่มขึ้นจาก 37% เป็น 83% โดยแนวโน้มของเพิ่มขึ้นที่คล้ายกันในกรณีของวัคซีนโปลิโอและวัณโรคด้วย
งานวิจัยที่ได้รับทุนจากมูลนิธิ Bill & Melinda Gates และ Gavi, The Vaccine Alliance ระบุว่า หลังจากการระบาดของโควิด-19 ความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีเด็กประมาณ 15.6 ล้านคนที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และวัคซีนป้องกันโรคหัด เด็กเกือบ 16 ล้านคนไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ และเด็ก 9 ล้านคนไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรควัณโรค โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดคือซับซาฮารา ในแอฟริกา
นักวิจัยจากสถาบันวัดผลและประเมินผลสุขภาพแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ซึ่งเป็นผู้จัดทำการวิเคราะห์นี้ระบุว่า เด็กมากกว่าครึ่งหนึ่งจากจำนวน 15.7 ล้านคนที่ไม่ได้รับวัคซีนในปี 2023 อาศัยอยู่ในเพียง 8 ประเทศ ได้แก่ ไนจีเรีย อินเดีย คองโก เอธิโอเปีย โซมาเลีย ซูดาน อินโดนีเซีย และบราซิล
นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์เริ่มถอดถอนสหรัฐออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และยุบหน่วยงานช่วยเหลือระหว่างประเทศของสหรัฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อระลอกใหม่ แต่นักวิจัยเห็นว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าการตัดงบประมาณที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้จะส่งผลต่ออัตราการฉีดวัคซีนของเด็กอย่างไร
WHO กล่าวว่า โรคหัดในทวีปอเมริกาเพิ่มขึ้น 11 เท่าในปีนี้เมื่อเทียบกับปี 2024 ขณะที่การติดเชื้อโรคหัดในภูมิภาคยุโรปเพิ่มขึ้นสองเท่าในปี 2024 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และยังพบการแพร่ระบาดของโรคหัดทั่วไปในแอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ดร.เดวิด เอลลิแมน กุมารแพทย์ผู้ให้คำแนะนำกับรัฐบาลอังกฤษ กล่าวในแถลงการณ์ว่า สถานการณ์ดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว เพราะถือเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทุกคน เพราะตราบใดที่โรคติดเชื้อที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนยังคงเกิดขึ้นที่ไหนสักแห่งในโลก พวกเราทุกคนก็ยังคงตกอยู่ในความเสี่ยง
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 25 มิถุนายน 2568