เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังถ้าไม่ทำอะไร "ฝังกลบ" แน่นอน
ไม่รู้ว่า "รัฐบาล" หรือหน่วยงานที่ดูแลด้านเศรษฐกิจอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) รวมไปถึงสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) มองเศรษฐกิจไทยในเวลานี้ว่า "วิกฤติ" หรือยัง
แต่สำหรับภาคเอกชนหรือนักธุรกิจให้คำจำกัดความของเศรษฐกิจ ณ ตอนนี้ว่า “วิกฤติแล้ว” หรือภาษาบ้านๆ ที่เรียกกันจนติดปากว่า “เผาจริง” แล้ว! ถ้าเศรษฐกิจไทยตอนนี้เผาจริง ครึ่งปีหลังก็คง “ฝังกลบ” แน่นอน เพราะมองไปข้างหน้ามีแต่ “มรสุม” ที่เตรียมพัดกระหน่ำซ้ำเติม
ลองนับนิ้วไล่เรียงความเสี่ยงเล็กใหญ่ที่เศรษฐกิจไทยเผชิญอยู่ หรือเตรียมจะเจอในระยะข้างหน้า 10 นิ้วอาจนับไม่หมด เราขอไล่เรียงเฉพาะก้อนใหญ่ๆ ที่กำลังถล่มเศรษฐกิจไทยในเวลานี้ อันแรกคือ “ความเสี่ยงการเมือง” อันนี้นับเป็นแผลเก่าที่ปริแตกอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ดูหนักหนา เพราะตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีแต่คนตั้งคำถามว่า “รัฐบาล” จะไปรอดหรือไม่ น่าห่วงว่าถ้าไม่รอดเกิดยุบสภาขึ้นมาเศรษฐกิจไทยที่หนักอยู่แล้ว กลับเข้าไอซียูแน่นอน
“หนี้ครัวเรือน” ถ่วงกำลังซื้อของคนให้อ่อนแอลงเรื่อยๆ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่บางหน่วยงานเคยปรามาส มองไม่ออกว่าลึกๆ แล้วหนักหนาแค่ไหน วันนี้ปัญหาดังกล่าวกำลังกลายเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ถ่วงการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในอีกหลายปีข้างหน้า ยิ่งเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลงรวดเร็ว กำลังบ่มเพาะหนี้เสียให้ระเบิดออกมา จับตาดูครึ่งปีหลังเราอาจได้เห็น “สึนามิหนี้เสีย” ถ้ายังไม่เร่งแก้ปัญหา ซึ่งตอนนี้นายแบงก์เริ่มคุยกันแล้วว่า ทำยังไงให้ลูกหนี้ที่ป่วยหนักจากไปอย่างสบายที่สุด
“สงครามการค้า” ที่บ่อนทำลายเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก แม้ว่าประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ของสหรัฐส่งสัญญาณว่าอาจขยายเวลาใช้ “ภาษีตอบโต้” ออกไปมากกว่า 90 วันกับประเทศที่มีเจตนาดีในการเจรจากับสหรัฐ แต่นักธุรกิจที่จะควักกระเป๋าลงทุนก็คงต้องเลื่อนแผนออกไปด้วยเช่นกันเพื่อรอความชัดเจน ด้านการค้าขายระหว่างประเทศก็ซบเซาลงต่อเนื่อง เราจะเห็นว่านักเศรษฐศาสตร์ดังๆ เริ่มทำนายแล้วว่า ประเทศใดเตรียมเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยบ้าง แน่นอนว่ามีทั้ง “สหรัฐ” และ “ยุโรป” ซึ่งขนาดเศรษฐกิจเกินครึ่งของโลกนี้ไปแล้ว ขณะที่ไทยไม่ต้องพูดถึงเราเจอพายุเศรษฐกิจกระหน่ำแน่นอน
อีกความเสี่ยงที่กำลังก่อตัวคือ “ค่าครองชีพ” ที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งสถานการณ์ในตะวันออกกลาง แม้ล่าสุดดูเหมือนจะคลี่คลายลงบ้าง แต่ไม่รู้ว่าอนาคตจะกลับมาระเบิดเมื่อไหร่อีก ซึ่งจะบีบให้ราคาน้ำมันตลาดโลกขยับขึ้น โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันโลกขยับขึ้นมาแล้วเกือบ 10% กลายเป็นต้นทุนรายจ่ายของทุกคน ช่วงเศรษฐกิจไม่ดีราคาน้ำมันย่อตัวลงยังพอจะแบ่งเบาภาระของผู้คนได้บ้าง
แต่สถานการณ์ข้างหน้าไม่ชัดว่าราคาน้ำมันจะเหวี่ยงไปทางไหน กลายเป็นความเสี่ยงที่เพิ่มเข้ามา ...ดูแล้วสารพัดปัญหาที่เกิดขึ้น มองไม่ออกจริงๆ ว่าจะถล่มเศรษฐกิจไทยหนักแค่ไหน ปัญหาเล็กใหญ่รุมเร้าหนัก ทั้งการเมืองไม่นิ่ง รายได้ใหม่ไม่มี หนี้เก่าใกล้ระเบิด แถมค้าขายกับโลกก็ซบเซา อนาคตคงได้แต่หวังว่าจะมีใครมาสร้างปาฏิหาริย์ให้กับเศรษฐกิจไทย
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 25 มิถุนายน 2568