ทรัมป์ไฟเขียวจีนซื้อ "น้ำมันอิหร่าน" ต่อ หวังหันมาซื้อจากสหรัฐฯ เพิ่ม
ทรัมป์ไฟเขียวจีนซื้อ "น้ำมันอิหร่าน" ต่อ หลังสหรัฐเพิ่งโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน หวังจีนหันมาซื้อน้ำมันจากสหรัฐเพิ่ม ส่อกระทบสัมพันธ์ซาอุฯ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social เมื่อวันอังคารที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่า จีนสามารถซื้อน้ำมันจากอิหร่านต่อไปได้ พร้อมหวังว่าจีนจะหันมาซื้อน้ำมันจากสหรัฐเพิ่มขึ้นด้วย ท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เพิ่งคลี่คลายไม่นานจากเหตุการณ์ที่สหรัฐเพิ่งทิ้งระเบิดใส่โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านถึง 3 แห่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
การแสดงจุดยืนครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่ทรัมป์ประกาศว่าอิหร่านและอิสราเอลได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว ภายหลังการโจมตีทางอากาศโดยสหรัฐฯ และยังใช้โอกาสนี้ตำหนิทั้งสองประเทศที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงตั้งแต่ช่วงต้น โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยยืนยันว่าจะกลับมาใช้มาตรการกดดันขั้นสูงสุดต่ออิหร่านอีกครั้ง ทั้งในประเด็นโครงการนิวเคลียร์และการให้เงินสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งทำให้สหรัฐฯ ภายใต้การนำของเขาได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรแบบรัว ๆ ต่อภาคพลังงานของอิหร่าน
หนึ่งในเป้าหมายของมาตรการเหล่านี้คือกลุ่มโรงกลั่นอิสระขนาดเล็กในจีนที่รู้จักกันในชื่อ “โรงกลั่นกาน้ำชา (teapot refineries)” และผู้ประกอบการท่าเรือที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกวิพากษ์จากจีนมาโดยตลอดว่าเป็น “การใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวโดยมิชอบของสหรัฐฯ”
แม้การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอย่างเป็นทางการจะต้องได้รับการดำเนินการผ่านกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และสภาคองเกรสของสหรัฐฯ แต่รัฐบาลทรัมป์มีทางเลือกที่จะ “ไม่บังคับใช้” มาตรการเหล่านั้น ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้น้ำมันอิหร่านไหลเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้นโดยพฤตินัย
จุดยืนของทรัมป์ที่อนุญาตให้จีนสามารถซื้อน้ำมันจากอิหร่านต่อไป สร้างคำถามมากมายต่อเสถียรภาพในตลาดพลังงานโลก เนื่องจากจีนถือเป็นผู้ซื้อน้ำมันจากอิหร่านรายใหญ่ที่สุดของโลก และหากการนำเข้าจากอิหร่านเพิ่มขึ้นในระยะนี้ ย่อมอาจสร้างความไม่พอใจให้กับพันธมิตรคนสำคัญของสหรัฐอย่างซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก และมีบทบาทสำคัญในสมดุลราคาพลังงานในตลาดโลก
ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ยังเป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงกลยุทธ์ใหม่ของสหรัฐฯ ในการแข่งขันด้านพลังงานกับคู่แข่งรายใหญ่ โดยหวังว่า “การเปิดไฟเขียว” ให้จีนซื้อจากอิหร่านนั้น จะมาพร้อมกับ “การเปิดกระเป๋า” ซื้อน้ำมันจากสหรัฐฯ มากขึ้นตามไปด้วย
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีแถลงการณ์ใดจากทำเนียบขาวหรือกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ต่อคำถามจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับจุดยืนอย่างเป็นทางการของรัฐบาลต่อโพสต์ของทรัมป์ ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันก็ยังไม่ตอบรับคำขอให้แสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวเช่นกัน
บทบาทของจีนในฐานะผู้ซื้อหลักน้ำมันอิหร่านที่ไม่เคยยอมรับมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องจับตา โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์กลับมีท่าที “ประนีประนอมเชิงกลยุทธ์” หลังจากใช้ไม้แข็งตลอดช่วงต้นเทอมที่สองของเขา ท่ามกลางแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 25 มิถุนายน 2568