งบ 1.15 แสนล้าน สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย หวั่นไม่ถึงรากหญ้า!
"กำลังซื้อรากหญ้า" วิกฤต! "สมชาย พรรัตนเจริญ" แนะรัฐเร่งใช้ไม้เด็ด "คนละครึ่ง" ฟื้นตลาด ชี้งบ 1.15 แสนล้านบาทกระจุกตัวเสี่ยงไม่เห็นผลกระตุ้น ศก. จริงจัง ย้ำถึงเวลาโฟกัสคนรากหญ้าตรงจุด พร้อมคุมสินค้าจีนทะลักทำตลาดพัง
นายสมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษาสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความกังวลต่อแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบงบ 1.57 แสนล้านบาท วงเงินที่ผ่านการพิจารณา 1.15 แสนล้านบาท โดยระบุว่า แม้จะมีการกระจายงบไปสู่โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ แต่กลับพบว่างบประมาณสำหรับโครงการน้ำและชุมชน ซึ่งคาดว่าจะช่วยประชาชนในต่างจังหวัด กลับเหลือเพียง 3 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ทำให้ตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง
นายสมชาย แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า ความคาดหวังที่จะกระตุ้นรากหญ้านั้น "คงไม่ได้จริง" ในการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ที่ผ่านมา แม้เคยใช้งบประมาณเกือบสองแสนล้านบาทในการแจกจ่าย แต่ก็ยังไม่เห็นผลการกระตุ้นที่เป็นรูปธรรมอย่างที่ควรจะเป็น

"เท่าที่ดูมาพักหลังมานี้การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนธยบายไม่ค่อยได้ผล ที่ผ่านมาขนาดใช้เงินไปตั้งเกือบสองแสนล้านยังไม่เห็นผลของการเกิดจริง"
นายสมชายกล่าว และเสริมว่าภาครัฐอาจกำลังมอง "ตัวใหญ่" มากเกินไป ในขณะที่สังคมกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างแท้จริงใน "ระดับรากหญ้า"
นายสมชาย ชี้ว่าปัจจุบันตลาดอยู่ในภาวะซบเซา ผู้บริโภคระดับรากหญ้าได้รับผลกระทบอย่างหนักจากหลายปัจจัย ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปัญหาการค้าชายแดนที่ถูกปิดกั้น และการเข้ามาของสินค้าจากจีนในราคาที่ถูกมาก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ผลิตและเกษตรกรในประเทศ
นายสมชาย แนะรัฐปรับแผน มุ่งกระตุ้นกำลังซื้อรากหญ้าโดยตรง-ควบคุมสินค้าข้ามแดน เน้นย้ำว่าสิ่งที่ภาครัฐควรเร่งดำเนินการคือการทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยของคนรากหญ้าให้มากขึ้น มากกว่าการไปกระตุ้นโครงการขนาดใหญ่ เนื่องจากโลกได้เปลี่ยนแปลงไปมาก และหากกำลังซื้อระดับล่างไม่ถูกกระตุ้น ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งหมด
นายสมชายเสนอว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เคยประสบความสำเร็จอย่าง "คนละครึ่ง" จะเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยให้คนที่มีกำลังซื้อแต่ไม่กล้าจับจ่ายใช้สอยกลับมากล้าใช้จ่ายได้อีกครั้ง
"ถ้าคนละครึ่งออกมาดีมาก เพราะคนส่วนหนึ่งที่ยังพอมีเงินเพราะมีอำนาจจับจ่ายใช้สอยได้อยู่ เกิดภาวะกังวลไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ถ้ามีนโยบายอุดหนุนมาเราก็กล้าจับจ่ายใช้สอยได้"
ทั้งนี้ยังย้ำว่าการจัดการเงินทุนควรไปโฟกัสที่จุดที่ต้องการพยุงเศรษฐกิจ นั่นคือ ร้านค้าขนาดเล็กในระดับฐานราก สินค้าชุมชน และผลิตภัณฑ์เกษตร เพื่อให้เกิดการบริโภคภายในและช่วยให้สินค้าของชุมชนที่มีราคาไม่ดีได้มีช่องทางระบายและสร้างรายได้
นอกจากนี้ นายสมชายยังเรียกร้องให้ภาครัฐมีมาตรการ ควบคุมสินค้าที่เข้ามาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าข้ามพรมแดนที่เข้ามาในราคาถูกมาก และสินค้าที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์ ให้มีการตรวจสอบและกำกับดูแลด้านมาตรฐานและคุณภาพอย่างเข้มงวดและเท่าเทียมกับร้านค้าแบบ Physical Store เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทางการค้าและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนจากการซื้อสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหรือมีปัญหาการจัดส่ง
"ผมอยากให้รัฐบาลนี้ทำวิธีการคอนโทรลของร้านที่มี Physical กับร้านออนไลน์ที่เท่าเทียมกัน ผมเชื่อว่าการค้าขายจากการนำเข้าหรืออะไรเข้ามามันก็ใช้ไม่มีปัญหา" นายสมชายกล่าวทิ้งท้าย
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 1 กรกฏาคม 2568