โมเดลดีล "เวียดนาม-สหรัฐ" ชาติเอเชีย "ไม่รับ" ภาษีเกิน 20%
โลกในยุคที่สหรัฐอเมริกามี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี ไม่เคยได้หยุดพักหายใจจาก "ความป่วน-ความเปลี่ยนไปมา" แทบจะรายวันหรือรายสัปดาห์ผ่านการโพสต์ทางโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะเรื่องภาษีศุลกากรต่างตอบโต้ ที่ทรัมป์ประกาศไว้ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ในอัตราสูงลิบ ยกเว้นแต่ประเทศคู่ค้าเหล่านั้นจะมายื่นข้อเสนอที่น่าพอใจให้กับสหรัฐ เพื่อลดการขาดดุลการค้าภายในเส้นตายที่กำหนด
แต่ระหว่างนั้น การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา เส้นตายถูกยืดจาก9 เมษายน เป็น 9 กรกฎาคม และล่าสุดเป็น 1 สิงหาคม เพราะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับคู่ค้าส่วนใหญ่ได้ตามเป้าหมาย
วันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนถึงเส้นตายเพียง 2 วัน ทรัมป์ส่งจดหมายไปยัง 14 ประเทศ แจ้งว่าพวกเขาจะถูกเก็บภาษีเท่าใด หากยังไม่ยอมมาทำข้อตกลงภายในวันที่ 1 สิงหาคม โดยในจำนวนนี้ มีทั้งประเทศที่จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นสูงกว่าวันที่ 2 เมษายน เช่น ญี่ปุ่น เพิ่มจาก 24% เป็น 25% บางประเทศเท่าเดิม เช่น ไทย 36% บางประเทศลดลง เช่น กัมพูชา
ในรายของประเทศที่ถูกขู่ว่าจะเก็บเพิ่มขึ้นจากวันที่ 2 เมษายน หรือบางประเทศก็คงอัตราเดิมนั้น คาดว่าทรัมป์ยังไม่พอใจในข้อเสนอ กรณีญี่ปุ่นนั้น เชื่อว่าทรัมป์ต้องการลงโทษเพราะเจรจามา 7 รอบแล้ว แต่ยังตกลงกันไม่ได้
ส่วนกรณีของไทยไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเป็นเพราะทรัมป์ยังไม่ได้ดูข้อเสนอล่าสุดของไทยแล้วรีบออกจดหมายมาก่อนหรือไม่ โดยไทยได้เจรจากับสหรัฐอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม หรือก่อนเส้นตาย แต่สังเกตจากจดหมายของทรัมป์ กลับจ่าหน้าถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายสุริยะ รักษาการถึงวันที่ 3 กรกฎาคมเท่านั้น เพื่อนำ ครม.บางส่วนที่มีการแต่งตั้งใหม่เข้าถวายสัตย์ฯ จากนั้นในวันเดียวกัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้นายภูมิธรรม เวชยชัย ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นตลอดไปจนกว่าจะมีผลคำตัดสินเกี่ยวกับแพทองธาร ชินวัตร ที่อยู่ระหว่างถูกพักการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
สื่อของสหรัฐอย่างซีเอ็นบีซี รายงานว่า จดหมายดังกล่าวของทรัมป์ 14 ฉบับ “ไม่มีความหมาย” อะไรมากนัก ไม่มีอะไรใหม่ เพราะสิ่งที่ทรัมป์แจ้งไป ไม่ได้ต่างจาก “ตารางภาษี” ขนาดใหญ่ที่ทรัมป์โชว์ในการแถลงอย่างใหญ่โตเร้าใจที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 2 เมษายน ต่างกันที่ครั้งนี้เป็นเพียงการแจ้งผ่านจดหมายเท่านั้น
อดัม พาร์กเกอร์ ซีอีโอ ของ Trivariate Research ชี้ว่า หากดูรายละเอียด ตนไม่คิดว่าจะมีใครเข้าใจความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ทรัมป์ประกาศวันที่ 7 กรกฎาคม กับที่ทรัมป์ประกาศก่อนหน้านั้น เป็นเพียงการนำเหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 เมษายน มากล่าวซ้ำ
ส่วนกรณีของไทยไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเป็นเพราะทรัมป์ยังไม่ได้ดูข้อเสนอล่าสุดของไทยแล้วรีบออกจดหมายมาก่อนหรือไม่ โดยไทยได้เจรจากับสหรัฐอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม หรือก่อนเส้นตาย แต่สังเกตจากจดหมายของทรัมป์ กลับจ่าหน้าถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายสุริยะ รักษาการถึงวันที่ 3 กรกฎาคมเท่านั้น เพื่อนำ ครม.บางส่วนที่มีการแต่งตั้งใหม่เข้าถวายสัตย์ฯ จากนั้นในวันเดียวกัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้นายภูมิธรรม เวชยชัย ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นตลอดไปจนกว่าจะมีผลคำตัดสินเกี่ยวกับแพทองธาร ชินวัตร ที่อยู่ระหว่างถูกพักการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
สื่อของสหรัฐอย่างซีเอ็นบีซี รายงานว่า จดหมายดังกล่าวของทรัมป์ 14 ฉบับ “ไม่มีความหมาย” อะไรมากนัก ไม่มีอะไรใหม่ เพราะสิ่งที่ทรัมป์แจ้งไป ไม่ได้ต่างจาก “ตารางภาษี” ขนาดใหญ่ที่ทรัมป์โชว์ในการแถลงอย่างใหญ่โตเร้าใจที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 2 เมษายน ต่างกันที่ครั้งนี้เป็นเพียงการแจ้งผ่านจดหมายเท่านั้น
อดัม พาร์กเกอร์ ซีอีโอ ของ Trivariate Research ชี้ว่า หากดูรายละเอียด ตนไม่คิดว่าจะมีใครเข้าใจความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ทรัมป์ประกาศวันที่ 7 กรกฎาคม กับที่ทรัมป์ประกาศก่อนหน้านั้น เป็นเพียงการนำเหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 เมษายน มากล่าวซ้ำ
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 12 กรกฏาคม 2568