เลือก "ผู้ว่าธปท." คนใหม่ ต้องสง่างาม ดึงความเชื่อมั่น
การคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ซึ่งกำลังจะครบวาระในสิ้นเดือนก.ย.นี้
กำลังเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง เดิมที ชื่อผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ ควรจะถูกเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.แล้ว
อย่างไรก็ตาม ภารกิจด่วนของ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการเจรจาภาษีที่สหรัฐ ทำให้การเสนอชื่อล่าช้าออกไป บุคคลที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายมี 2 ท่าน ได้แก่ ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. และ วิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน
ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับการยืนยันว่า พิชัยได้ตัดสินใจเลือกผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่แล้ว และเตรียมจะเสนอชื่อเข้าที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ก่อนการประชุม ครม. เริ่มขึ้น พิชัยยังคงยืนยันกับสื่อมวลชนว่าจะเสนอชื่อเข้าที่ประชุมอย่างแน่นอน แต่ไม่สามารถเปิดเผยว่าเป็นใครได้
อย่างไรก็ตาม เพียงไม่นานหลังจากนั้น มีกระแสข่าวว่าเรื่องการแต่งตั้งผู้ว่าการ ธปท. ไม่ทันเข้าที่ประชุม ครม. พิชัยได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่าสาเหตุเกิดจากการเสนอชื่อที่ช้าเกินไป ในขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวเสริมว่า เอกสารเรื่องผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ที่ถูกเสนอเข้ามานั้นยังไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาดเอกสารตรวจสอบคุณสมบัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระแสข่าวนี้ได้สร้างความปั่นป่วนในตลาดทุนไม่น้อย
เกี่ยวกับกระบวนการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า โดยปกติการแต่งตั้งบุคคลสำคัญจะเสนอเป็นวาระเพื่อทราบ และหากไม่มีข้อทักท้วงให้ถือเป็นมติ ครม. ตามที่เสนอ การเสนอชื่อให้ ครม. พิจารณาจำเป็นต้องมีความพร้อมทั้งในเรื่องของคุณสมบัติ เอกสาร และคุณสมบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในส่วนของผู้ว่าการ ธปท. ต้องดูตามกฎหมายของ ธปท. เป็นหลัก การแต่งตั้งจะสามารถเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ได้ หากทุกอย่างมีความลงตัวในทุกมิติ โดยเฉพาะเรื่องของเอกสารที่ต้องครบถ้วนและเป็นสิ่งที่ต้องมีการตรวจสอบอยู่แล้ว
ตำแหน่ง “ผู้ว่าการ ธปท.” ถือเป็น ตำแหน่งสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างยิ่ง มีบทบาทสำคัญในการ กำหนดนโยบายด้านการเงิน และยังเป็นหน้าตาของประเทศ นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญกับตำแหน่งนี้มาก ดังนั้น การเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งนี้ควรดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมาที่สุด เพราะมีผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ เราจึงคาดหวังว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 16 กรกฏาคม 2568