ไทยเสี่ยง "Twin Influx" หากลดภาษี 0% สินค้าสหรัฐ-จีน ไหลท่วมตลาด
KEY POINTS
* การลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ให้เหลือ 0% เป็นทางเลือกเพื่อเลี่ยงกำแพงภาษี 36% แต่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่เรียกว่า ‘Twin Influx’
* ‘Twin Influx’ คือสถานการณ์ที่สินค้าจากสหรัฐฯ และจีนจะไหลทะลักเข้าสู่ตลาดไทยพร้อมกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการลดภาษีให้สหรัฐฯ และการเกินอุปทานของสินค้าจีนที่มีอยู่เดิม
* ภาคส่วนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการนำเข้าคือภาคเกษตรและอาหาร ซึ่งมีการจ้างงานเกือบ 28.6% ของแรงงานทั้งหมด และอาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
* สถานการณ์นี้ทำให้ไทยตกอยู่ในภาวะที่ยากลำบากระหว่างการรักษามูลค่าการส่งออก หรือการปกป้องภาคการผลิตในประเทศจากการแข่งขันที่รุนแรง
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์การค้าครั้งสำคัญ หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ส่งจดหมายแจ้งเตรียมเก็บภาษีตอบโต้ 36% หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าใหม่ได้ภายในวันที่ 1 ส.ค. นี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าคู่แข่งในภูมิภาคอย่างเวียดนาม การตัดสินใจครั้งนี้ของไทยจะนำมาซึ่งความท้าทายและผลกระทบที่ซับซ้อนต่อเศรษฐกิจไทย

Krungsri Research ประเมินว่าไทยอาจสูญเสียมูลค่าการส่งออกในระยะยาวถึง 1.62 แสนล้านบาท โดยภาคส่วนที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดและพึ่งพาตลาดสหรัฐสูง ได้แก่ สิ่งทอ เครื่องหนังและรองเท้า (ลดลง 7.5% จากฐานเดิม), อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไฟฟ้า (-6.1%), สินค้าผลิตอื่น ๆ (เช่น ไม้ กระดาษ การพิมพ์ และเฟอร์นิเจอร์) (-4.8%), อาหารและเครื่องดื่ม (-3.2%) และ ยางและพลาสติก (-2.1%) โดยภาคส่วนเหล่านี้รวมกันคิดเป็น 13.6% ของ GDP ของไทยในปี 2566
ซึ่งผลกระทบโดยรวมคาดว่าจะทำให้การเติบโตของ GDP ของไทยในปี 2568 ชะลอตัวลงเหลือเพียง 1.5% และการเติบโตของการส่งออกลดลงเหลือเพียง 1.6% ซึ่งเป็นการชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับในช่วง 5 เดือนแรกของปี ที่การส่งออกขยายตัวถึง 14.9%
ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรงจากภาษี 36% ประเทศไทยได้ยื่นข้อเสนอที่จะยกเลิกภาษีสำหรับสินค้าสหรัฐหลายหมื่นรายการ เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว อากาศยาน ข้าวโพด และเครื่องจักรในอุตสาหกรรม เพื่อลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐที่มีมูลค่า 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์
ซึ่งหากไทยสามารถบรรลุข้อตกลงที่คล้ายกับสหรัฐ-เวียดนาม โดยที่สหรัฐเรียกเก็บภาษี 20% จากสินค้าไทย และไทยเรียกเก็บภาษี 0% จากสินค้าสหรัฐคาดว่าจะช่วยลดผลกระทบต่อการส่งออกของไทยลงเหลือเพียง 1.74 หมื่นล้านบาท ซึ่งน้อยกว่ากรณีภาษี 36% ถึง 9.3 เท่า
อย่างไรก็ตาม ทางเลือกนี้ก็มาพร้อมกับผลกระทบด้านลบที่สำคัญ นั่นคือ "การหลั่งไหลสองทาง (Twin Influx)" แม้จะช่วยลดปัญหาการส่งออกได้ แต่การเสนอภาษี 0% ให้สหรัฐอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงที่การนำเข้าของไทยจากสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
Krungsri Research คาดการณ์ว่าในระยะยาว การนำเข้าของไทยจากสหรัฐอาจเพิ่มขึ้นถึง 27% หรือ 1.88 แสนล้านบาท สถานการณ์นี้เรียกว่า "การหลั่งไหลสองทาง" ซึ่งหมายถึงการที่สินค้าจากสหรัฐทะลักเข้ามาพร้อมๆ กับการหลั่งไหลของสินค้าจีนที่ยังคงมีอยู่จากการเกินอุปทานในภาคการผลิตของจีน รวมถึงการเปลี่ยนเส้นทางการค้าและการหลบเลี่ยงการค้าที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่สงครามการค้าสหรัฐ-จีน เฟส 1
โดยภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการนำเข้าคือ ภาคเกษตรและอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งอาจเห็นการหลั่งไหลของสินค้าสหรัฐในอัตราที่สูงกว่า 100% นอกจากนี้ ภาคส่วนอื่นๆ เช่น ยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง สิ่งทอ เครื่องหนังและรองเท้า และยางและพลาสติก ก็อาจมีการนำเข้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักเช่นกัน
ซึ่งการหลั่งไหลของสินค้านำเข้านี้จะบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคส่วนภายในประเทศที่เปราะบาง โดยเฉพาะภาคเกษตรซึ่งมีการจ้างงานเกือบ 28.6% ของแรงงานทั้งหมดในปี 2567 และอาจถ่วงการเติบโตในระยะยาวของไทย
ประเทศไทยกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบางอย่างมาก เนื่องจากต้องเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศ ความไม่แน่นอนทางการเมือง และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่ช้ากว่าคาด การได้รับสิทธิในการเข้าถึงตลาดสหรัฐมากขึ้นเพื่อแลกกับการลดภาษี จึงอาจไม่คุ้มค่า หากต้องแลกมาด้วยการเปิดรับ "การหลั่งไหลสองทาง" ของสินค้านำเข้า
ภายใต้นโยบายการค้าที่เข้มงวดมากขึ้นจากทั้งสหรัฐและจีน ทางเลือกของประเทศไทยจึงมีจำกัด สิ่งที่ควรทำอย่างน้อยที่สุดคือ การเร่งกระจายความเสี่ยงของตลาดส่งออกและเจรจาทางการค้ากับประเทศอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างได้มากขึ้น แทนที่จะถูกบังคับให้ต้องตั้งรับกับนโยบายการค้าของประเทศอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 21 กรกฏาคม 2568