EXIM Bank ชี้ส่งออกเผชิญวิกฤติซ้อน อัด 1 หมื่นล้าน เสริมแกร่ง สู้กติกาโลก
EXIM Bank แนะผู้ส่งออกไทยเผชิญวิกฤตซ้อนวิกฤต: ชี้กติกาโลกไร้ทิศทาง-ต้นทุนพุ่ง-สภาพคล่องตึงตัว พร้อมอัดฉีดสินเชื่อหมื่นล้านเสริมแกร่ง
นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) กล่าวภายในงาน “Thailand Smart SME 2025: Smart Solutions & Sustainable Growth” จัดโดย "โพสต์ทูเดย์" ในหัวข้อ “Smart Financial Solutions” ว่า สถานการณ์ที่ผู้ประกอบการส่งออกไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายรอบด้าน ทั้งนโยบายภาษี การเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์โลก และต้นทุนการดำเนินงานที่พุ่งสูงขึ้น โดย EXIM Bank พร้อมยืนเคียงข้างผู้ส่งออกด้วยมาตรการช่วยเหลือแบบครบวงจร
ทั้งนี้ สถานการณ์โลกในปัจจุบันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและ "วิกฤตซ้อนวิกฤต" ที่เกิดขึ้นพร้อมกันหลายด้าน อาทิ
(1)ความผันผวนของนโยบายภาษีและการค้า โดยผู้ส่งออกเผชิญกับความไม่ชัดเจนเรื่องอัตราภาษีที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงการเจรจานโยบายการค้าที่คาดเดาได้ยาก ประเทศที่เคยเป็นพันธมิตรอาจกลายเป็นคู่ขัดแย้ง และประเทศคู่แข่งอาจกลับมาเป็นมิตรกัน ทำให้ "กติกาการค้าโลกใหม่คือไม่มีกติกา" และบทบาทขององค์กรอย่าง WTO ดูเหมือนจะลดน้อยลง
(2)ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) นอกจากความขัดแย้งระดับโลกอย่างรัสเซีย-ยูเครน โดยเฉพาะตะวันออกกลาง ยังมีความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ล่าสุดคือสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งมีความเข้มข้นถึงขั้นปิดชายแดนและมีการเผชิญหน้าทางกายภาพ สิ่งเหล่านี้สร้างความกังวล ความลำบากในการทำธุรกิจ และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมหาศา
(3)ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความผันผวนของราคาน้ำมัน ต้นทุนการขนส่ง และที่สำคัญคือ ค่าระวางเรือ ที่ผันผวนอย่างยิ่ง เช่น การปิดช่องแคบส่งผลให้ค่าระวางเรือพุ่งสูงขึ้น หรือภาวะคอนเทนเนอร์ว่างทำให้ค่าระวางเรือลดลง สิ่งเหล่านี้กระทบต่อต้นทุนการผลิตและต้นทุนการส่งสินค้าของ SMEs โดยตรง แม้รายใหญ่จะได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่มีความได้เปรียบในการบริหารจัดการต้นทุนและซัพพลายเชน
นายเบญจรงค์ กล่าวว่า นอกจากปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ผู้ประกอบการยังต้องเตรียมรับมือกับ "ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม" โดยเฉพาะ มาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ของสหภาพยุโรปที่จะเริ่มใช้เป็นการทดลองในปีหน้า ซึ่งจะขยายครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภทมากขึ้นเรื่อยๆ นี่คือโจทย์ที่ยากที่นักธุรกิจจะต้องคิดระยะยาว และบริหารจัดการความไม่แน่นอนในปัจจุบันควบคู่ไปกับมาตรฐานในอนาคต
"สภาพคล่องในระบบสินเชื่อโดยรวมกำลังหดตัว โดยเฉพาะสินเชื่อที่ให้กับ SMEs ซึ่งหดตัวถึง 5% สิ่งนี้สร้างแรงกดดันให้ธนาคารของรัฐต้องเข้ามารับความเสี่ยงและออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน"
ความเสี่ยงระยะยาวและแนวทางการรับมือ :
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารทั่วโลกต่างมองว่า ปัญหาในระยะยาวที่ต้องมีแผนรองรับคือ ภาวะโลกร้อน (Climate Change) ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่อากาศร้อนขึ้น แต่คือความผันผวนของสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น เช่น พายุ น้ำท่วม น้ำแล้ง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อฐานการผลิตและซัพพลายเชน สิ่งเหล่านี้คือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เช่นเดียวกับความเสี่ยงจากวิกฤติการเงิน (Financial Crisis) และโรคระบาดใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับภาวะโลกร้อน
ทั้งนี้ EXIM Bank เข้าใจและเห็นใจผู้ประกอบการเป็นอย่างยิ่ง จึงได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกทั้งระยะสั้นและระยะยาว วงเงินรวมกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ไปได้ โดยมาตรการเหล่านี้จะออกมาเสริมมาตรการของกระทรวงการคลังเพิ่มเติม
โดยมาตรการระยะสั้น วงเงิน 4,000 ล้านบาท มุ่งเน้นการเพิ่มสภาพคล่องและลดต้นทุนทางการเงินให้แก่ลูกค้าธนาคาร โดยมีการลดอัตราดอกเบี้ยทันที
ส่วนระยะยาว ผ่านสินเชื่อ Soft Loan วงเงิน 2,000 ล้านบาท สนับสนุนการหาตลาดใหม่แทนตลาดเดิม ด้วยสินเชื่อร่วมงานแสดงสินค้าและสินเชื่อเพื่อการส่งออก อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.99% ต่อปี พร้อมให้ความคุ้มครองความเสียหายกรณีผู้ซื้อไม่ชำระเงินค่าสินค้า, สินเชื่อเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต วงเงิน 1,000 ล้านบาท ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.50% ต่อปี คงที่ 2 ปี และยังมีโครงการอื่นในวงเงิน 3,000 ล้านบาท เป็นต้น
"EXIM Bank ยังให้บริการฐานข้อมูลผู้ประกอบการทั่วโลก เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคู่ค้าต่างประเทศ และปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากของธุรกิจส่งออก ทุกสำนักคาดการณ์ว่าตัวเลขส่งออกครึ่งปีหลังน่าจะติดลบ แม้ว่า GDP ไตรมาส 1 และ 2 จะเติบโตเพราะมาจากภาคส่งออก
แต่หากไตรมาส 3 และ 4 การส่งออกไม่มา เราจะต้องเฝ้าดูสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด EXIM Bank พร้อมอยู่คู่กับผู้ส่งออกไทย ด้วยการช่วยให้เข้าถึงตลาดใหม่ ปรับปรุงประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เข้าใจตัวเอง และเข้าใจคู่ค้า เพื่อปิดความเสี่ยงและพร้อมสู้กับทุกสถานการณ์การค้าโลก"
ที่มา กรุงเทพธุุรกิจ
วันที่ 24 กรกฏาคม 2568