เวียดนามดันนโยบายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ผลักฮอนด้าอยู่ปากเหว
จากผลกระทบด้านมลพิษในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ทำให้รัฐบาลวางแผนที่จะดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม โดยหันมาใช้นโยบายสนับสนุนการใช้รถพลังงานไฟฟ้า ส่งผลกระทบต่อตลาดรถมอเตอร์ไซค์พลังงานน้ำมันในเวียดนาม ฮอนด้าเจ้าตลาดอันดับหนึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจนต้องประเมินกลยุทธ์ใหม่อีกครั้ง กระทบห่วงโซ่อุปทานเป็นวงกว้าง
เมืองฮานอยมีประชากรมากกว่า 8 ล้านคน เป็นหนึ่งในเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก รัฐบาลเชื่อว่ามลพิษเหล่านั้นเป็นผลมาจากรถจักรยานยนต์และสกูตเตอร์น้ำมัน ซึ่งเป็นยานพาหนะหลักของชาวเวียดนาม เห็นได้จากยอดขายรถจักรยานยนต์ของเวียดนามในปี 2024 ที่สูงถึง 2.65 ล้านคัน โดยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นรองเพียงอินโดนีเซียเท่านั้น
รัฐบาลมีแผนที่จะพัฒนานโยบายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างค่อยเป็นค่อยไปภายในปี 2030 โดยเริ่มจากเดือนกรกฎาคม ปี 2026 ที่จะถึงนี้ ห้ามรถจักรยานยนต์และสกูตเตอร์พลังงานน้ำมันวิ่งบนถนนวงแหวนหมายเลข 1 ของเมืองฮานอย ซึ่งเป็นถนนสายหลักความยาวกว่า 7 กิโลเมตร วนรอบใจกลางเมืองและแลนด์มาร์กสำคัญหลายแห่ง นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ากำลังพิจารณามาตรการการใช้พลังงานไฟฟ้าในนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจและการค้าของประเทศ เพื่อตอบสนองนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม
ฮอนด้า (Honda) ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์เวียดนามด้วยส่วนแบ่งตลาดถึง 80% ประหลาดใจและไม่ทันตั้งตัวต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหันนี้ ฮอนด้าได้รับผลกระทบอย่างมากจากนโยบายดังกล่าว แม้ได้เปิดตัว Honda ICON e: ซี่งเป็นสกูตเตอร์ไฟฟ้ากำลังต่ำที่ผู้ไม่มีใบขับขี่ก็สามารถใช้ได้ แต่ก็ขายได้เพียง 600 คันเท่านั้น
“ตอนนี้เราจำเป็นต้องประเมินกลยุทธ์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในเวียดนามอีกครั้ง” นายซายากะ อาราอิ ประธานฮอนด้า เวียดนาม กล่าว
ฮอนด้าระบุว่า มีรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินเดินทางภายในถนนวงแหวนหมายเลข 1 ประมาณ 1-2 ล้านคันในแต่ละวัน และหลายแสนคันจะเปลี่ยนมาใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
ในขณะที่เจ้าถิ่นอย่างวินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตสกูตเตอร์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนาม กลับได้ผลประโยชน์จากนโยบายสิ่งแวดล้อมของรัฐบาล โดยในปี 2024 มียอดขายสกูตเตอร์ไฟฟ้าสูงถึง 70,000 คัน นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์เวียดนาม แซงหน้าโตโยต้าและฮุนได ความได้เปรียบของวินฟาสต์สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่พยายามส่งเสริมและผลักดันธุรกิจภายในประเทศ
“นับตั้งแต่มีคำสั่งนายกรัฐมนตรี ยอดขายสินค้าต่อหน่วยที่ราคาสูงกว่า 10 ล้านดอง (ราว 12,300 บาท) ก็ชะลอตัวลง” เจ้าของร้านค้าขายจักรยานยนต์มือสองบนถนนฮานอยกล่าว และระบุอีกว่า เขาเห็นแนวโน้มของลูกค้าที่ชะลอการซื้อ เนื่องจากการห้ามใช้จักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน
กระทบห่วงโซ่อุปทานเป็นวงกว้าง เนื่องจากฮอนด้ามีซัพพลายเออร์มากกว่า 130 รายในประเทศเวียดนาม เป็นผู้จัดหาชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่ผลิตภายในประเทศเกือบ 100% และมีกำลังการผลิตถึง 2.75 ล้านคันกระจายอยู่ในโรงงาน 3 แห่ง ตลอดจนมีตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการรับรองประมาณ 800 รายทั่วเวียดนาม
ความพยายามเปลี่ยนแปลงจากการใช้รถพลังงานน้ำมันมาเป็นรถพลังงานไฟฟ้าของเวียดนามในครั้งนี้ ยังสร้างความกังวลใจให้กับประชากรในกรุงฮานอยเป็นอย่างมาก เนื่องจากความพร้อมในการใช้รถพลังงานไฟฟ้ายังต่ำ เห็นได้จากปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าและพื้นที่ในการชาร์จรถพลังงานไฟฟ้ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานด้านพลังงานในอนาคตอันใกล้
สถานีชาร์จมีน้อย และอาคารอพาร์ตเมนต์หลายแห่งในเมืองห้ามชาร์จจักรยานยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากปัญหาเพลิงไหม้ ปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง กรุงฮานอยประสบเหตุไฟดับเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 7 สิงหาคม 2568