มาตรการสิ่งแวดล้อมโลก "บีบไทย" กระทบส่งออกปีละ 3 แสนล้าน
KEY POINTS
* มาตรการสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ เช่น มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ของสหภาพยุโรป คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี ทำให้ภาคอุตสาหกรรมต้องเร่งปรับตัว
* สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้ร่วมมือกันจัดตั้งกลไก "สินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่าน" (Transition Finance) เฟสแรกมูลค่า 5,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม
* เป้าหมายหลักของความร่วมมือคือการช่วยให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
* การสนับสนุนครอบคลุม 2 มิติ คือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) ผ่านการใช้พลังงานสะอาด และการปรับตัวเพื่อรับมือ (Adaptation) กับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก
ประเทศไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากมาตรการสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ เช่น มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ CBAM ของสหภาพยุโรป ซึ่งกระทบการส่งออกสินค้ามูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี แม้สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์จะทำให้บางอย่างล่าช้า แต่สุดท้ายมาตรการเหล่านี้จะถูกบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ
ดังนั้น การเตรียมความพร้อมล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะการเปลี่ยนผ่านต้องใช้เวลา ทั้งนี้ หลายประเทศได้พัฒนากลไกสนับสนุน Transition Finance ที่ตอบโจทย์บริบทของตน เช่น ญี่ปุ่นมีแนวทาง Basic Guidelines on Climate Transition Finance สำหรับอุตสาหกรรมที่ยังใช้พลังงานดั้งเดิมแต่มีแผนลดคาร์บอนในระยะยาว สหภาพยุโรปมี EU Green Taxonomy ควบคู่ Just Transition Mechanism และสิงคโปร์มี Green and Sustainability-Linked Loan Grant Scheme เพื่อเร่งการเข้าถึงสินเชื่อของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคอุตสาหกรรมไทย ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียวได้ง่ายขึ้น เพื่อลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดและระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ นโยบาย 4 GO ของ ส.อ.ท. โดยเฉพาะ GO Green ที่มุ่งขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่การผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนระยะยาว ยังเป็นการยกระดับศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในตลาดโลก ที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น ผมเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเปลี่ยนผ่านภาคอุตสาหกรรมไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานสถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 350 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี โดยภาคพลังงานและอุตสาหกรรมรวมกันมีสัดส่วนมากกว่า 75% แม้จะคิดเป็นเพียงไม่ถึง 1% ของการปล่อยทั่วโลก แต่หากเราสามารถเปลี่ยนความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศให้เป็นโอกาสในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ก็จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว
สำหรับประเทศไทย ความท้าทายสำคัญ คือ การขาดข้อมูลและการสนับสนุนทางเทคนิคที่เป็นระบบ ส่วนหนึ่งของภารกิจของสถาบันฯ คือ การสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ให้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง พัฒนาบัญชีคาร์บอน และปรับกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
และในวันนี้ เราได้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการทำหน้าที่เป็นกลไกกลางในการเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมกับภาคการเงิน จัดหา Transition Finance และร่วมสนับสนุนการให้ข้อมูล บริการให้คำปรึกษา เพื่อขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ส.อ.ท. ได้ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยสู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการจัดตั้งกลไก สินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่าน (Transition Finance) เฟสแรกมูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท
โดยความร่วมมือนี้นับเป็นต้นแบบของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคการเงินและภาคอุตสาหกรรม เพื่อเดินหน้าประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็นเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำที่มีความมั่นคงและแข่งขันได้ในระดับสากล
ความร่วมมือครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสะอาดและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปรับตัวให้พร้อมรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความท้าทายเชิงระบบที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน
ภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นหนึ่งในภาคส่วนหลักที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง จะได้รับการสนับสนุนใน 2 มิติหลัก ได้แก่
(1)การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) ผ่านการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน และการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดของเสีย
(2)การปรับตัวเพื่อรับมือ (Adaptation) เช่น การออกแบบระบบการผลิตและโลจิสติกส์ให้มีความยืดหยุ่นและทนทานต่อภัยพิบัติ การจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน และการพัฒนาโครงการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกต้นไม้และกิจกรรมคาร์บอนเครดิต
"Transition Finance ภายใต้ความร่วมมือนี้จะไม่ใช่เพียงแค่แหล่งเงินทุนทั่วไป
แต่ยังครอบคลุมถึงการให้คำปรึกษา การประเมินความเหมาะสมของโครงการ ตลอดจนการเชื่อมโยงกับกลไกตลาดคาร์บอนเครดิตและมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความโปร่งใสและประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้เงินทุน"
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 11 สิงหาคม 2568