KResearch เตือนไทยเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืด จับตาเงินเฟ้ออาจลดลงแบบวงกว้าง Krungthai ห่วงสินค้าต่างประเทศทะลัก ท่ามกลางบาทแข็ง
KResearch เตือนไทยเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืด จับตาเงินเฟ้ออาจลดลงแบบขยายวงกว้าง (Broad-based แต่ยังคงมุมมองเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 0.3% ขณะที่ Krungthai COMPASS มองทิศทางเงินเฟ้อของไทยจ่อแผ่วลง จากการไหลบ่าของสินค้านำเข้าราคาถูก ท่ามกลางเงินบาทแข็งค่าทำให้ต้นทุนการนำเข้าลดลง พร้อมจับตาการเปิดตลาดสินค้าให้สหรัฐฯ อาจทำให้สินค้าทะลักมากขึ้น รวมถึงการไหลเข้าของสินค้าส่งออกจากประเทศอื่นๆ ที่โดนภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ
KResearch เตือนเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ยังคงมุมมองเงินเฟ้อทั้งปีที่ 0.3% :
ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อไทยใน 7 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ในระดับต่ำที่ 0.21%YoY ยังมีความเสี่ยงของสภาวะเงินฝืด จากการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีนในหมวดเครื่องแต่งกาย ของใช้ส่วนตัว และของตกแต่งบ้าน สะท้อนผ่านราคาในประเทศที่ติดลบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจกดดันเงินเฟ้อให้ลดลงแบบขยายวงกว้าง (Broad-based) มากขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม KResearch ยังคงประมาณการอัตราเงินเฟ้อไทยอยู่ที่ 0.3% ในปี 2568 โดยไตรมาสที่ 3 คาดว่าจะยังติดลบต่อเนื่อง ขณะที่ในไตรมาส 4 คาดว่าเงินเฟ้ออาจพลิกกลับมาเป็นบวกได้ โดยราคาสินค้าเกษตรอาจปรับเพิ่มขึ้น จากปัจจัยฐานต่ำของราคาเนื้อหมู ซึ่งอาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตอาหารสำเร็จรูปปรับเพิ่มขึ้น
ขณะที่ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาอาจกระทบพื้นที่เพาะปลูกผลไม้ในบริเวณดังกล่าวบ้างเล็กน้อย รวมถึงยังต้องจับตาผลกระทบจากอุทกภัยที่อาจมีผลต่อผลผลิตเกษตรกรรมในไตรมาสที่ 4/2568
บทวิเคราะห์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์รายงาน อัตราเงินเฟ้อไทยในเดือนกรกฎาคม ติดลบ 4 เดือนต่อเนื่อง โดยลดลง 0.7% YoY ต่ำสุดในรอบ 17 เดือน
เตือนเงินเฟ้อไทยจ่อแผ่วต่อเนื่อง จากการไหลบ่าสินค้านำเข้าราคาถูก :
ขณะที่ Krungthai COMPASS มองทิศทางเงินเฟ้อของไทยในระยะข้างหน้ามีแรงส่งที่แผ่วลง ส่วนหนึ่งจากการไหลบ่าของสินค้านำเข้าซึ่งราคาลดต่ำลง หนุนให้คนไทยใช้จ่ายซื้อสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ
โดยสินค้าจากจีนมีส่วนแบ่งในมูลค่าการนำเข้าของไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในเดือน มิ.ย. 2568 อยู่ที่ราว 30.9% รองลงมา ได้แก่ ASEAN9 (16.3%) และสหรัฐฯ (5.8%) เป็นต้น โดยแรงผลักดันที่สำคัญคือ การแสวงหาตลาดทดแทนการส่งออกไปสหรัฐฯ ก่อให้เกิดกระแสไหลบ่าของสินค้าจีนอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่สงครามการค้ารอบแรก
โดยหากเจาะเฉพาะกลุ่มสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค จะพบว่า การนำเข้าสินค้าหมวดดังกล่าวจากจีน มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2567 ไทยนำเข้าจากจีนคิดเป็นสัดส่วนราว 42% ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมด สะท้อนการพึ่งพาสินค้าจีนเพื่อใช้สอยในชีวิตประจำวันสูงกว่าเมื่อเทียบกับแหล่งนำเข้าจากประเทศอื่น ทั้งยังส่งผลกระทบต่อการแข่งขันด้านราคากับผู้ประกอบการในประเทศ
เงินบาทแข็งช่วยลดต้นทุนนำเข้า :
Krungthai COMPASS ยังมองว่า ดัชนีราคาสินค้านำเข้ายังอยู่ในช่วงปรับตัวลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการแข็งค่าของเงินบาท ตามกระแสปรับลดสัดส่วนการถือครองดอลลาร์สหรัฐฯ ของนักลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย เอื้อให้ต้นทุนการนำเข้าถูกลง และช่วยลดทอนค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้าและบริการ
จับตาสินค้าสหรัฐฯ และประเทศอื่น (ที่โดนภาษี) จ่อเข้าไทยมากขึ้น
Krungthai COMPASS ระบุอีกว่า จับตาการเปิดตลาดสินค้านำเข้าให้สหรัฐฯ รวมถึงการไหลทะลักของสินค้าส่งออกจากประเทศอื่นๆ เพื่อเป็นช่องทางกระจายสินค้าที่โดนภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ โดยการเปิดตลาดสินค้านำเข้าของไทยให้กับสหรัฐฯ หลายรายการ ในระยะสั้นอาจเพิ่มความรุนแรงของสงครามราคาเพื่อแข่งกับผู้ประกอบการไทย ประกอบกับหลายประเทศ จำเป็นต้องแสวงหาตลาดใหม่ทดแทนการส่งออกไปสหรัฐฯ และยังต้องเผชิญกับการตีตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ จะเพิ่มความเสี่ยงด้านต่ำต่ออัตราเงินเฟ้อของไทยต่อไป
ที่มา the standard
วันที่ 10 สิงหาคม 2568