เตรียมตัวรับวันที่หุ่นยนต์ครองโรงงาน
เมืองจีนมีหุ่นยนต์ประมาณ 5% ของแรงงานในภาคอุตสาหกรรม บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีที่จีน วางแผนจะทดแทนแรงงานกว่า 4 แสนตำแหน่งด้วยหุ่นยนต์ในเร็ววันนี้ เป็นหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ Humanoid Robot
ที่สามารถปฏิบัติงานในพื้นที่ทำงานเดียวกับที่ใช้แรงงานมนุษย์ในการทำงาน ไม่จำเป็นต้องมีการปรับปรุงพื้นที่การปฏิบัติงาน คนทำงานตรงไหน หุ่นยนต์มาทำแทนที่ตรงนั้นได้เลย
ในเมืองจีนประมาณไว้ว่าอีก 15 ปีข้างหน้า ประชากรจีนกว่า 400 ล้านคนจะมีอายุมากกว่า 60 ปี คนวัยทำงานในญี่ปุ่นและเกาหลีจะลดลงเกือบหนึ่งล้านคนในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่คนบริโภคลดลงไม่มากนัก กำลังผลิตยังต้องคงอยู่ในอัตราเดิม หรืออาจจะต้องเพิ่มมากขึ้นตามความต้องการของสังคมสูงอายุ ถ้าประเทศเจริญแล้วมีแรงงานไม่พอ ก็ไปเสาะหามาจากหนุ่มสาวในประเทศที่พัฒนาน้อยกว่ามาทดแทนได้สักช่วงเวลาหนึ่ง เพราะแรงงานหนุ่มสาวเหล่านั้นก็แก่ตัวลงไปเช่นเดียวกัน
การเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติในปริมาณมากมายยังส่งผลให้มีปัญหาสังคมตามมามากบ้างน้อยบ้าง พร้อมกับที่คนทำงานลดลงไปแทบทุกแห่งทั่วโลก หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์กลับมีความก้าวหน้ามากขึ้นอย่างรวดเร็วในสองสามปีนี้ จากอานิสงส์ของความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดของ AI ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้การฝึกหุ่นยนต์ให้ทำงานใดงานหนึ่งกระทำได้ง่ายขึ้น และได้ผลดีมากขึ้น แต่ยังไปช่วยในกระบวนการออกแบบกลไกการเคลื่อนที่และการหยิบจับของหุ่นยนต์ให้ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด
AI ช่วยการออกแบบและวิเคราะห์ที่ซับซ้อนให้กระทำได้ง่ายกว่าเดิมมาก เราจึงได้พบเห็นหุ่นยนต์จากผู้ผลิตมากมายหลายยี่ห้อ ทั้งจากฝรั่งและจีนที่สามารถทำงานหลายอย่างได้ใกล้เคียงกับมนุษย์
หุ่นยนต์มีราคาลดลงเร็วมากจากหลายล้านบาทมาเป็นหลักแสน จนมีระยะคุ้มทุนภายในหนึ่งปี เมื่อเทียบกับการจ้างแรงงานมนุษย์สำหรับงานอุตสาหกรรมการผลิตบางประเภทในประเทศจีน โตโยต้าพบว่าสายการผลิตที่หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทำงานได้เร็วขึ้น 28% ในขณะที่มีผลผลิตที่ผิดพลาดลดลง 42% เมื่อเทียบกับการใช้คนทำงานร่วมกับหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ซัมซุงพบว่าทำงานได้เร็วขึ้น 52% โดยลดวัตถุดิบลงได้ 32% พร้อมกันไปด้วย
คาดกันว่าการทดแทนแรงงานมนุษย์ในโรงงานโดยหุ่นยนต์จะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นในอีกสองสามปีข้างหน้า เริ่มจากงานเฉพาะกิจ เช่น งานคลังสินค้า งานเคลื่อนย้ายวัสดุ งานประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะงานที่อาจเสี่ยงอันตราย หรืองานในสภาพแวดล้อมที่ไม่สะดวกสำหรับมนุษย์ ตามมาด้วยการผลิตหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อทำงานเหล่านั้น ซึ่งจะทำให้ราคาลดลงอีก
หุ่น Optimus จาก Tesla คาดว่าจะมีราคาตัวละ 7-8 แสนบาทในอีก 2 ปีข้างหน้า Foxconn ตั้งเป้าว่าจะผลิตหุ่นยนต์ปีละ 1 ล้านตัวในปี 2570 ระยะเวลาคุ้มทุนสำหรับการจัดหาหุ่นยนต์มาทำงานแทนมนุษย์ในโรงงานอาจเร็วกว่า 1 ปีในบางประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานสูง คาดว่าในช่วงต้นนี้ การใช้หุ่นยนต์อาจจะช่วยลดค่าจ้างแรงงานได้สูงสุดถึง 28%
ในช่วง 5 - 10 ข้างหน้า คาดว่าจะมีการใช้งานหุ่นยนต์ทำงานโรงงาน ร่วมกับมนุษย์ประมาณ 100 ล้านตัว งานที่ใช้ทักษะต่ำยกให้หุ่นยนต์ งานทักษะสูงยังคงให้คนทำ คนกับหุ่นยนต์สารพัดแบบช่วยกันทำให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น สิ้นเปลืองวัตถุดิบน้อยลง คุณภาพสินค้าดีขึ้น แรงงานทักษะต่ำจะเริ่มลดความจำเป็น ความได้เปรียบเรื่องค่าแรงจะเริ่มเสื่อมถอยลง
ประเทศร่ำรวยสามารถตั้งโรงงานผลิตสินค้าในประเทศได้ในราคาที่อาจไม่ต่างไปจากการส่งมาผลิตในประเทศกำลังพัฒนาที่มีค่าแรงต่ำ โดยจะมีคุณภาพสูงกว่าอีกด้วย
คาดเดากันว่าในอีกไม่เกิน 20 ปีข้างหน้า หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่ก้าวหน้าไปไกลกว่าวันนี้มากมาย จะพลิกโฉมโรงงานและการผลิตไปมาก จนกระทั่งเลิกคิดเรื่องค่าจ้างแรงงานราคาถูก แต่คิดมากขึ้นเรื่องแรงงานที่มีทักษะสูง บ้านเราที่แก่ขึ้น รายได้หลักมาจากงานที่ใช้ทักษะต่ำแต่จำนวนแรงงานเยอะ แรงงานทักษะสูงมีน้อย ที่เก่งๆ ก็ไปทำงานในประเทศที่เจริญกว่า รัฐบาลมองการณ์สั้นมากกว่ามองการณ์ไกล พอถึงวันที่หุ่นยนต์ครองโรงงาน เราจะทำมาหากินอะไรกันดี?
ที่้มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 18 สิงหาคม 2568