พิษภาษีทรัมป์เริ่มออกฤทธิ์ เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงมาก
นโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เริ่มออกฤทธิ์ ส่งผลต่อเศรษฐกิจประเทศจีนชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วทุกด้าน บ่งชี้แนวโน้มไม่สดใส
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศจีนชะลอตัวลงทุกด้าน ในภาคอุตสาหกรรมโรงงานและยอดค้าปลีกเป็นที่น่าผิดหวัง บ่งชี้ว่า สงครามราคาของรัฐบาลจีนสร้างความเสียหายรวมถึงสงครามภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กำลังเริ่มส่งผลกระทบต่อประเทศเศรษฐกิจอันดับที่ 2 ของโลก
จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (National Bureau of Statistics) ระบุว่า อัตราการผลิตในอุตสาหกรรมโรงงานและเหมืองแร่ของจีน เพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าที่สุดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยในเดือนกรกฎาคมมีอัตราการขยายตัวเพียง 5.7% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนของปี 2024 ซึ่งขยายตัวสูงถึง 6.8% บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ค่ามัธยฐานจะเพิ่มขึ้น 6%
ในขณะที่ยอดค้าปลีกเติบโตเพียง 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2024 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดของปีนี้ โดยลดลงจาก 4.8% ในเดือนมิถุนายน การขยายตัวของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2025 ที่ผ่านมา ชะลอตัวลงเหลือเพียง 1.6% เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์หดตัวลงอย่างหนัก อัตราการว่างงานในเขตเมืองที่ทำการสำรวจ ที่ 5.2% แย่ลงกว่าที่คาดการณ์ไว้
รัฐบาลมณฑลควบคุมอย่างเข้มงวดต่อการลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมที่ประสบปัญหาการแข่งขันรุนแรงโดยการแข่งกันลดราคาหรือมีปัญหากำลังการผลิตล้นเกิน โดยยับยั้งการใช้จ่ายในภาคการผลิต
นายโฮมิน ลี (Homin Lee) นักยุทธศาสตร์มหภาคอาวุโสจากลอมบาร์ด โอเดียร์ (Lombard Odier) สาขาสิงคโปร์ ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารเอกชนสัญชาติสวิสที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารความมั่งคั่ง กล่าวว่า “ตัวชี้วัดเศรษฐกิจหลักประจำเดือนกรกฎาคมบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ซบเซาลงจากมาตรการภาษีศุลกากรได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว”
“เมื่อเห็นสัญญาณว่าทั้งอุปสงค์และอุปทานเริ่มชะลอตัว เราจำเป็นต้องปรับนโยบายการคลังในช่วงกลางปี”
อย่างไรก็ดี ภายหลังการเปิดเผยข้อมูล ค่าเงินหยวนที่ไหลนอกประเทศยังคงทรงตัว แต่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงเล็กน้อย ตลาดหุ้นจีนส่วนใหญ่ยังคงรักษาระดับการขาดทุนไว้ได้ โดยดัชนีวิสาหกิจจีนฮั่งเส็ง (HSCEI) ลดลง 1% ขณะที่ดัชนี CSI 300 ในประเทศ ปิดตลาดเช้าปรับตัวสูงขึ้น 0.5% หลังจากผันผวนระหว่างช่วงขาขึ้นและขาลงเล็กน้อย
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 15 สิงหาคม 2568