ผวาสินค้าจีนทะลักไทยพุ่ง "นักวิชาการ" หวั่น3ปีขาดดุลสูงขึ้น
KEY POINTS :
* นโยบายภาษีของสหรัฐฯ ต่อจีน (ภาษีทรัมป์) ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนทางการค้า ส่งผลให้สินค้าจีนมีแนวโน้มทะลักเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
* นักวิชาการคาดการณ์ว่าใน 3 ปีข้างหน้า สินค้าจีนจะเข้ามาในไทยสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยไทยเป็นเป้าหมายอันดับ 3 ในอาเซียนที่สินค้าจีนจะเข้ามาจำหน่ายแทนตลาดสหรัฐฯ
* การทะลักของสินค้าจีนจะส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ จากประมาณ 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์
* สินค้าจีนที่คาดว่าจะเข้ามาในไทยจำนวนมากคือกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์โทรคมนาคม, รถยนต์และชิ้นส่วน, และคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ได้ลดลง
หลังจากภาษีทรัมป์ หรือ ภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) มีผลบังคับวันที่ 7 ส.ค.2568 (ตามเวลาในสหรัฐ) อัตราภาษีที่สหรัฐเก็บ 90 ประเทศทั่วโลก อยู่ในช่วง 15-50% ประเทศส่วนใหญ่เจอภาษีทรัมป์ที่ 15% ประเทศที่เจอภาษีทรัมป์สูงสุดคือ อินเดียและบราซิลที่ 50% ในขณะที่จีนล่าสุดถูกเก็บภาษีที่ 30%
นายอัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน เปิดเผยว่า เมื่อ 11 ส.ค.2568 ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ลงนามใน Executive Order เพื่อขยายการระงับการขึ้นภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนอีก 90 วันไปสิ้นสุดที่ 10 พ.ย.2568 ทำให้สถานะล่าสุดที่สหรัฐเก็บจากสินค้าจีนอยู่ที่ 30% และจีนก็เก็บภาษีสินค้าสหรัฐที่ 10%
ทั้งนี้ จากข้อมูล USITC ( US International Trade Commission) พบว่าก่อนภาษีทรัมป์สินค้าจีนที่ส่งไปสหรัฐเสียภาษีระหว่าง 0-25% (ภาษี 25% ที่สหรัฐเก็บสินค้าจีนเป็นผลมาจากการใช้ มาตรา 301 ตามกฎหมาย Trade Act 1974 ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลกทรอนิกส์ เครื่องจักร และเฟอร์นิเจอร์)
รวมทั้งผลภาษีทรัมป์ทำให้สินค้าจีนส่งออกไปสหรัฐ “ยากขึ้น” สินค้าจีน จะถูกกระจายไปยังประเทศอื่นๆ ทั้งอาเซียน ตะวันออกกลาง และอัฟริกาแทน โดยไทยเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่สินค้าจีนจะส่งออกไปขายแทนที่สินค้าจีนที่เจอภาษีทรัมป์ในรูปแบบ “เบี่ยงเบนทางการค้า (Trade Diversion)” ซึ่งภายใต้ภาษีทรัมป์จะทำให้สินค้าจีนส่งออกไปสหรัฐลดลง ขณะที่จีนยังคงรักษาระดับการผลิตเท่าเดิม สินค้าจีนที่ลดลงเหล่านั้น หันไปส่งออกไปประเทศอื่นแทน
นายอัทธ์ กล่าว จากการวิเคราะห์พบว่าจีนส่งออกไปสหรัฐช่วง 19 ปีที่ผ่านมา (2006-2024) เพิ่มจาก 2 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 5 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2018 และได้ดุลการค้ากับสหรัฐจากระดับ 2 แสนล้านดอลลาร์ สูงสุดที่ 4 แสนล้านดอลลาร์
แม้ว่าในปี 2024 จีนได้ดุลการค้าลดลงเหลือ 2.9 แสนล้านดอลลาร์ก็ตามถือว่ายังเป็นตัวเลขที่สูงมาก และยังเป็นปัญหาหนักของสหรัฐ ที่ต้องพึ่งพิงสินค้าจีนที่หลายรัฐบาลสหรัฐยังไม่สามารถแก้ไขได้ สินค้าจีน 70% ในห้าง Walmart มาจากประเทศจีนหากสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 30% จีนส่งออกไปสหรัฐลดลงหายไป 300 พันล้านดอลลาร์ ใน 3 ปีข้างหน้า
จีนทะลักไทย-เวียดนาม-มาเลเซีย
จากการลดการนำเข้าสินค้าจีนของสหรัฐมูลค่า 301.7 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนทางการค้า (Trade Diversion) จากตลาดสหรัฐไปสู่ตลาดอื่นๆ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ในอาเซียนที่สินค้าจีนจะทะลักเข้ามาขาย รองจากเวียดนาม และมาเลเซีย โดยเข้ามาในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วน 2.4% ของสินค้าจีนที่ขายไปสหรัฐไม่ได้
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ช่วงปี 2025-2028 พบว่า กรณีที่สหรัฐไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 30% ไทยนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มจาก 83,467 ล้านดอลลาร์ เป็น 105,632 ล้านดอลลาร์
กรณีที่สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 30% ไทยนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มจาก 2,052 ล้านดอลลาร์ เป็น 2,597 ล้านดอลลาร์ ทำให้ไทยนำเข้าสินค้าจีนรวมทั้ง 2 กรณีเพิ่มจาก 85,520 ล้านดอลลาร์เป็น 108,230 ล้านดอลลาร์ และไทยขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มจาก 46,660 ล้านดอลลาร์ เป็น 63,630 ล้านดอลลาร์
“ผลภาษีทรัมป์ที่เก็บกับสินค้าจีน 30% ทำให้สินค้าจีนทะลักเข้ามาในไทยมูลค่า 69,781 - 88,298 ล้านบาท โดยสินค้าจีนที่คาดว่าจะส่งออกมาประเทศไทย หลังจากที่ส่งไปขายในสหรัฐลดลง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องใช้สำหรับโทรคมนาคมและอุปกรณ์เครือข่าย รถยนต์ (สำเร็จรูป/ชิ้นส่วน) และคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เป็นต้น”นายอัทธ์ กล่าว
คาดนำเข้าสินค้าจีนสูงสุดรอบ 10 ปี :
นายอัทธ์ กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีข้างหน้า สินค้าจีนจะเข้ามาในประเทศไทยสูงสุดในรอบ 10 ปี ทั้งจากนโยบายรัฐบาลจีนและภาษีทรัมป์ ส่งผลทำให้ไทยขาดดุลการค้ากับจีนมากเป็นประวัติการณ์ โดยสินค้าจีนที่เข้ามาตามนโยบายรัฐบาลจีนมีทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม แต่ผลของภาษีทรัมป์จะทำให้สินค้าอุตสาหกรรมจีนส่วนใหญ่เข้ามาในไทย

สำหรับสินค้าจีนที่คาดว่าจะส่งออกมาประเทศไทยหลังจากที่ส่งไปขายในสหรัฐลดลง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องใช้สำหรับโทรคมนาคมและอุปกรณ์เครือข่ายรถยนต์ (สำเร็จรูป/ชิ้นส่วน) และคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เป็นต้น
ทั้งนี้ สินค้าจีนที่ทะลักเข้าไทยมากน้อยแค่ไหนตามภาษีทรัมป์ ขึ้นกับผลการเจรจาการค้าสหรัฐกับจีนที่จะสิ้นสุด ในวันที่ 10 พ.ย.2568 หากมากกว่า 30% จะส่งผลต่อสินค้าจีนที่จะทะลักเข้ามาในไทยมากกว่าที่ประเมินไว้ข้างต้น
นอกจากนี้มีรัฐบาลควรสร้างระบบการเตือนภัยและติดตามล่วงหน้า (Early-Warning) สินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาไทย คุมกฎถิ่นกำเนิดอย่างโปร่งใส และทำระบบการตรวจสอบย้อนกลับกับหน่วยงานสหรัฐ สำหรับสินค้าที่มีความเสี่ยงถูกตีความเป็น transshipment ไปสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี 40%
รวมทั้งสร้างมาตรการนำเข้าเข้มข้นสินค้าจีนทั้งคุณภาพและมาตรฐานเพื่อให้ SMEs ไทยสามารถแข่งขันกับสินค้าจีนได้ และตั้งกองทุนปรับตัวอุตสาหกรรมเพื่อ SMEs ช่วยในการปรับตัวแข่งขันกับสินค้าจีน
สศช.ห่วงสหรัฐต้องการสินค้าลดลง
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ชาติ (สศช.) กล่าวถึงผลกระทบจากการดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าโดยการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐหรือภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariffs) จะกระทบเศรษฐกิจไทยทั้งจากการเก็บภาษีไทยอัตรา 19% ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.2568
รวมทั้งจากการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าแบบเฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะภาษีนำเข้ายานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มเติมในอัตรา 25% โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านช่องทางสำคัญ
ส่วนผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกสินค้าของไทย โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังปี 2568 การส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐมีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญกับผลกระทบอันเนื่องมาจากการลดลงของความต้องการสินค้าจากสหรัฐภายหลังที่เร่งนำเข้าไปแล้วในช่วงครึ่งแรกของปี
โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าส่งออกที่ไทยที่อาจสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐ เช่น กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์สื่อสาร กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ กลุ่มส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์
จับตาไทยนำเข้าสินค้า Trans shipment :
นอกจากนั้นผลกระทบจากการลดลงของความต้องการสินค้าขั้นกลางและวัตถุดิบที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของประเทศที่ถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐ โดยเฉพาะจีนที่อาจมีการส่งออกไปได้น้อยลงตามความต้องการ สินค้าที่ลดลง เช่น กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ยาง เมล็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์
รวมทั้งยังมีผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าที่เร่งตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสินค้าที่เป็นผลจากการถ่ายลำเรือ (Trans-shipment) หรือปัญหาการสวมสิทธิ์สินค้า ส่งออกเพื่อเป็นทางผ่านให้ประเทศที่ต้องการหลบเลี่ยงภาษีนำเข้าของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นสินค้ากลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะถูกสหรัฐ เรียกเก็บ อัตราภาษีเข้าที่ 40% รวมทั้งสินค้านำเข้าจากสหรัฐ
นอกจากนี้ในส่วนผลกระทบยังเกี่ยวข้องกับความผันผวนของเศรษฐกิจและการค้าโลก โดยมีเงื่อนไขความเสี่ยงที่ต้องติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อประเทศคู่ค้าสำคัญดังจะเห็นได้จากการขยายระยะเวลาการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนออกไปอีก 90 วัน จนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568
ประกอบกับความไม่แน่นอนของการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจากสินค้ารายสินค้าแบบเฉพาะเจาะจงและมาตรการควบคุมการค้าระหว่างประเทศในสินค้าทุนและวัตถุดิบสำคัญ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ เหล็ก อลูมิเนียม
รวมถึงแร่หายากที่จะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจและการค้าโลกมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งหลังของปี และมีความเสี่ยงที่จะน่าไปสู่ความชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานการผลิตโลกหากยกระดับความรุนแรงมากขึ้นในระยะต่อไปด้วย
สหรัฐเลื่อนเจรจา Local content :
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการเจรจากับสหรัฐในเรื่องของการกำหนดเกณฑ์สินค้าที่มีถิ่นกำเนิดในไทย (Local content) กับทางสหรัฐว่าได้เลื่อนการเจรจากับทางสหรัฐไปในสัปดาห์หน้าจากเดิมที่มีการนัดหมายในวันศุกร์นี้ โดยตอนนี้สหรัฐมีการนัดคุยเรื่องนี้กับหลายๆประเทศ
ส่วนประเด็นไทยขอยืนเกณฑ์เรื่องของ Local content ไว้ที่ 40% หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปพูดตรงนั้น เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบว่าสหรัฐจะคุยอย่างไร โดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐจะเล่าให้เราฟังแล้วจะขอการตัดสินใจจากฝ่ายนโยบายของไทยว่าจะตัดสินใจอย่างไร
“ตอนนี้ในเรื่องของภาษีกับสหรัฐนั้นเราขอให้เท่ากับคนอื่นไว้ก่อน เพราะตอนนี้คนที่รับผลกระทบก็คือคนซื้อสินค้าที่สหรัฐ ของเริ่มแพง โดยสหรัฐอยากจะนำเอาสินค้าทุกอย่างกลับไปผลิตที่สหรัฐ ซึ่งทำไม่ได้ทุกอย่าง ซึ่งเราก็เข้าใจแต่เราพูดอะไรไม่ได้”นายพิชัย กล่าว
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 21 สิงหาคม 2568