ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทรุดหนัก กดดันเฟดจ่อหั่นดอกเบี้ยแรง 0.5%
KEY POINTS :
* ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณอ่อนแอลงอย่างชัดเจน โดยความน่าจะเป็นในการหางานใหม่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2013 และอัตราว่างงานพุ่งสูงขึ้น
* ข้อมูลดังกล่าวสร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
* ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป โดยมีสถาบันการเงินบางแห่ง เช่น Standard Chartered ประเมินว่าอาจมีการปรับลดลงแรงถึง 0.5%
รายงานจากเฟดสาขานิวยอร์กล่าสุดสะท้อนสัญญาณที่น่ากังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อผลสำรวจตลาดแรงงานเดือนสิงหาคมระบุว่า ความน่าจะเป็นในการหางานใหม่อยู่ที่เพียง 44.9% ลดลงจากระดับ 50.7% ในเดือนกรกฎาคม และถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2013 ขณะเดียวกัน ความน่าจะเป็นของการตกงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 14.5% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 12 เดือนที่ 14% แสดงถึงแรงกดดันที่เริ่มปะทุในตลาดแรงงาน
แรงกดดันดังกล่าวทำให้ความคาดหวังต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทวีความเข้มข้น โดยข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ระบุว่า ตลาดกำลังประเมินความเป็นไปได้ถึง 90% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 กันยายนนี้ และมีโอกาสราว 10.6% ที่เฟดอาจเลือกหั่นแรงถึง 0.5%
ฝั่งสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่เริ่มปรับคาดการณ์กันอย่างต่อเนื่อง โดย Standard Chartered แสดงความเห็นชัดว่า เฟดมีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ย 50 จุดฐาน (bps) ในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังข้อมูลการจ้างงานเดือนสิงหาคมสะท้อนการชะลอตัวรุนแรง โดยตัวเลขการจ้างงานใหม่หดตัวและอัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี
บริษัทหลักทรัพย์รายนี้ชี้ว่า ภาพรวมตลาดแรงงานเปลี่ยนจาก “แข็งแกร่ง” สู่ “เปราะบาง” ภายในเวลาไม่ถึง 6 สัปดาห์ และเปิดทางให้เฟดต้องปรับลดดอกเบี้ยแบบ “catch-up” 50 จุดฐาน คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกสำนักจะเห็นพ้องกับการปรับลดแรงในรอบเดียว โดย Morgan Stanley และ Deutsche Bank มองว่าข้อมูลตลาดแรงงานที่อ่อนแรงยังไม่เพียงพอให้เฟดลดดอกเบี้ยทันที 50 จุดฐาน แม้จะยอมรับว่าการประชุมต่อเนื่องถัดไปอาจเป็นจังหวะที่เฟดเลือกผ่อนคลายมากขึ้น
ขณะเดียวกัน Barclays ปรับคาดการณ์ใหม่ว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 25 จุดฐานต่อเนื่องในทุกการประชุมที่เหลือของปีนี้ ส่วน Macquarie เร่งกำหนดการลดดอกเบี้ยจากเดิมเดือนธันวาคมมาเป็นเดือนตุลาคม และ Bank of America ก็หันมาเชื่อว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 25 จุดฐานทั้งในเดือนกันยายนและธันวาคม จากเดิมที่ไม่เคยคาดว่าจะลดเลยตลอดปีนี้
สัญญาณเหล่านี้ตอกย้ำว่า เฟดกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ชี้ให้เห็นการชะลอตัวของตลาดแรงงาน และจากแรงคาดหวังของตลาดการเงินที่รอการผ่อนคลายอย่างจริงจัง แม้ประธานเฟด เจอโรม พาวเวล จะส่งสัญญาณเมื่อเดือนก่อนว่ามีโอกาสลดดอกเบี้ย แต่ก็ยังย้ำถึงความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ยังไม่หมดไป
การประชุมสัปดาห์หน้าจึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทั่วโลกจับตา ว่าเฟดจะเลือกผ่อนแรงเพียง 0.25% ตามความคาดหวังหลักของตลาด หรือจะสร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยการหั่นแรง 0.5% เพื่อตอบสนองต่อความเปราะบางของเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นชัดเจนในตลาดแรงงานสหรัฐฯ
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 9 กันยายน 2568