โครงการ ITEC เปิดองค์ความรู้อินเดียสู่โลก
KEY POINTS :
* โครงการ ITEC เป็นโครงการเรือธงของรัฐบาลอินเดียที่ให้ทุนฝึกอบรมเต็มจำนวนแก่บุคลากรจาก 160 ประเทศ เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้และเสริมสร้างศักยภาพระหว่างประเทศ
* มีหลักสูตรอบรมกว่า 300 หลักสูตรต่อปี ครอบคลุมหลากหลายสาขา ตั้งแต่เกษตรกรรมไปจนถึงเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความมั่นคงทางไซเบอร์
* โครงการได้ปรับรูปแบบให้ทันสมัย มีทั้งหลักสูตรออนไลน์ (eITEC) หลักสูตรสำหรับผู้บริหาร และการส่งผู้เชี่ยวชาญไปฝึกอบรมในประเทศคู่ความร่วมมือ
ร่ำเรียนกันมาแต่วัยเยาว์ดินแดนชมพูทวีปเป็นแหล่งอารยธรรม แม้ในฐานะรัฐชาติสมัยใหม่ อินเดียยังเป็นแหล่งให้ความรู้พิสูจน์ได้จากโครงการ ITEC ที่สถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยเพิ่งเฉลิมฉลอง ITEC Day ไปเมื่อวันที่ 15 ก.ย.
นาเกซ ซิงห์ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย เผยว่า โครงการความร่วมมือด้านวิชาการและเศรษฐกิจของอินเดีย หรือที่รู้จักกันในนามโครงการ ITEC เป็นโครงการเรือธงในด้านการเสริมสร้างศักยภาพระหว่างประเทศของรัฐบาลอินเดีย เริ่มดำเนินการเมื่อปี 1964 นับตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการ มีผู้เข้าร่วมแล้วกว่า 200,000 คน จาก 160 ประเทศ
“นี่คือหนึ่งในโครงการพัฒนาศักยภาพระหว่างประเทศที่เก่าแก่และต่อเนื่องยาวนานที่สุด โครงการนี้มุ่งสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งสำหรับผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพต่าง ๆ โดยผูกพันกันอย่างลึกซึ้งด้วยมิตรภาพ ความเคารพ และความเข้าใจซึ่งกันและกัน ในสังคมแห่งการเรียนรู้และเข้มข้นด้วยองค์ความรู้ในปัจจุบัน โครงการนี้จึงมีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา” ทูตอินเดียกล่าว
จุดแข็ง ITEC :
โครงการ ITEC มอบโอกาสการฝึกอบรมที่ได้รับทุนเต็มจำนวนในสถาบันชั้นนำของอินเดีย แก่บุคลากรภาครัฐทั้งฝ่ายพลเรือน ทหาร และกึ่งทหารจากประเทศ Global South หน่วยการเรียนรู้ในหลักสูตรได้รับการออกแบบให้เป็นหลักสูตรเชิงลึก บรรจุเนื้อหาทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เสริมด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสกับภูมิทัศน์วัฒนธรรมอันหลากหลายของอินเดีย
ปีละกว่า 300 หลักสูตร :
ภายใต้โครงการ ITEC ในปัจจุบัน อินเดียจัดให้มีหลักสูตรมากกว่า 300 หลักสูตรต่อปี ในสาขาต่าง ๆ ครอบคลุมตั้งแต่เกษตรกรรม การศึกษา การดูแลสุขภาพ การพัฒนาชนบทและผู้ประกอบการ ไปจนถึงหัวข้อที่มุ่งเน้นเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ความมั่นคงทางไซเบอร์ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสาธารณะ อวกาศ และเทคโนโลยีชีวภาพ ความเข้มแข็งของสถาบันอบรมอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้งและตุลาการได้รับการยอมรับในระดับสากล และการฝึกอบรมในสถาบันเหล่านี้เป็นที่ต้องการอย่างสูงภายใต้โครงการ ITEC
ปรับเข้ายุคสมัย :
โครงการ ITEC ได้ปรับให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป นอกเหนือจากหลักสูตรแบบเข้าชั้นเรียนที่อินเดียแล้ว ยังได้มีการจัดทำหลักสูตรรูปแบบ eITEC สำหรับจัดการอบรมออนไลน์ โครงการ ITEC-Executive เปิดสอนหลักสูตรระยะสั้นแบบเข้าชั้นเรียนสำหรับผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐ
ส่วน ITEC-Onsite และ ITEC-Expert จัดหลักสูตรเสริมสร้างศักยภาพนอกสถานที่ โดยการส่งผู้เชี่ยวชาญชาวอินเดียไปเสริมสร้างศักยภาพในประเทศคู่ความร่วมมือเมื่อมีการร้องขอ อีกทั้งยังสามารถจัดทำหลักสูตรเฉพาะตามคำร้องขอของประเทศคู่ความร่วมมือได้ (เช่น หลักสูตรของกองบัญชาการสอบสวนอาชญากรรมทางไซเบอร์)
เสริมแกร่งป้องกันประเทศ :
หลักสูตร ITEC สำหรับบุคลากรด้านการป้องกันประเทศก็มีความสำคัญเป็นพิเศษ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีบุคลากรด้านการป้องกันประเทศเกือบ 12,000 นาย ได้รับการฝึกอบรมจากสถาบันการฝึกด้านการป้องกันประเทศกว่า 100 แห่ง ครอบคลุมทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และหน่วยยามฝั่ง อีกทั้งอินเดียได้จัดส่งทีมฝึกด้านการป้องกันประเทศไปประจำการในต่างประเทศระยะยาวหลายปีด้วย
เพิ่มหลักสูตรเฉพาะทาง :
อินเดียยังได้เริ่มต้นจัดทำหลักสูตร ITEC แบบเฉพาะทางเพื่อรองรับพันธมิตรระดับภูมิภาค ภายใต้กรอบความร่วมมือบิมสเทค และอาเซียน ระหว่างการประชุมสุดยอดบิมสเทค ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้ประกาศโครงการใหม่ชื่อว่า โพธิ [BODHI: BIMSTEC for Organized Development of Human Resource Infrastructure] เพื่อเสริมทักษะให้แก่เยาวชน ภายใต้โครงการนี้จะมีการจัดการฝึกอบรมและทุนการศึกษาให้กับผู้เชี่ยวชาญจากสาขาวิชาชีพต่าง ๆ นักศึกษา นักวิจัย นักการทูต และบุคคลอื่น ๆ
รู้จักทุน ICCR :
นอกจากนี้อินเดียยังมีทุนการศึกษาของสภาวัฒนธรรมสัมพันธ์ของอินเดีย (ICCR) ที่นักศึกษาไทยให้การตอบรับเป็นอย่างดีเสมอมา ปีนี้มีนักศึกษาไทยกว่า 40 คนที่ได้เดินทางไปศึกษาในระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษาในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของอินเดียภายใต้ทุน ICCR
“อินเดียและไทยต่างก็เป็นเพื่อนบ้านทางอารยธรรมและทางทะเล มีสายสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวคิดมายาวนานหลายศตวรรษ ซึ่งการแลกเปลี่ยนอย่างเข้มข้นนี้ยังสะท้อนอยู่ในมรดกทางวัฒนธรรมและศาสนาที่เรามีร่วมกัน”
เอกอัครราชทูตกล่าวและว่า การยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศเมื่อต้นปีนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ การศึกษา การพัฒนาทักษะ และการเสริมสร้างศักยภาพที่จะได้เห็นความร่วมมือระหว่างกันคืบหน้ามากยิ่งขึ้น
ประสบการณ์จริงจากผู้อบรม :
ภาณุพงษ์ กำแพง พนักงานคอมพิวเตอร์อาวุโส ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ผู้เข้าร่วมโครงการ ITEC หัวข้อ “Digital Payment System and Infrastructure in India” เมื่อไม่นานมานี้ ได้เล่าถึงประสบการณ์และความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการเงินและเทคโนโลยีดิจิทัลของอินเดียว่า อินเดียกำลังผลักดันระบบการชำระเงินดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด โดยเน้นความโปร่งใส การเข้าถึงทุกคน และการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ
ภาณุพงษ์ยกตัวอย่าง ระบบการชำระเงินแบบรวมศูนย์และโปร่งใส (Digital Payment System) ที่เน้นการแนะนำระบบการชำระเงินโดยรวมของอินเดีย ทั้ง e-payment และการโอนเงินช่วยเหลือโดยตรง (Direct Benefit Transfer - DBT) จากรัฐบาลสู่ประชาชน
"ระบบมีความโปร่งใสสูงถึง 80-90% โดยเงินถึงปลายทางโดยตรง ไม่ต้องผ่านตัวกลาง ทำให้ลดการทุจริตและต้นทุนการดำเนินงาน สามารถโอนเงินช่วยเหลือชาวนาหรือเงินช่วยเหลือภัยพิบัติเข้าสู่บัญชีประชาชนได้โดยตรง แม้กระทั่งผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนก็ยังได้รับเงินช่วยเหลือ"
ภาณุพงษ์กล่าวพร้อมขยายความว่า ที่ทำเช่นนี้ได้เพราะ ระบบยืนยันอัตลักษณ์บุคคล AADDHHAR เป็นรหัสประจำตัวที่ไม่ซ้ำกัน (Unique Identification) เก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล เช่น ลายนิ้วมือ และม่านตาเพื่อยืนยันตัวตน ทำหน้าที่เป็น “Single Account” สำหรับแต่ละบุคคลในการเปิดบัญชีธนาคารหรือทำธุรกรรมต่าง ๆ โดยผูกกับเลข AADDHHAR นี้เสมอ
เทียบได้กับ PromptPay ของไทย แต่มีความก้าวหน้าและครอบคลุมประชากรได้ถึง 1.2-1.3 พันล้านคน
ปัจจัยสำคัญของโครงการนี้คือ โครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล (Data Centers) อินเดียมีศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ มุมไบ นิวเดลี และเบงกาลูรู ซึ่งข้อมูลจะเชื่อมโยงและซิงค์กันตลอดเวลา ทำให้การเชื่อมโยงข้อมูลมีประสิทธิภาพสูง
นอกจากนี้อินเดียยังให้การศึกษาและพัฒนาทักษะด้านไอที เน้นการสอนทักษะด้านการคิดเชิงตรรกะ (Logical Thinking) และการเขียนโค้ด (Coding) ตั้งแต่เด็ก
"มีการสอนในรูปแบบ Data Flow เพื่อให้คนเข้าใจกระบวนการทำงานแบบเป็นลำดับขั้น (Sequential) ซึ่งช่วยให้เข้าใจเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้ง่ายขึ้น ไม่ได้เน้นการท่องจำ แต่เน้นการทำความเข้าใจแนวคิด" ศิษย์เก่า ITEC กล่าว
นโยบายซอฟต์แวร์แห่งชาติ :
ภาณุพงษ์กล่าวต่อไปว่า ที่น่าตื่นตาตื่นใจคืออินเดียมีนโยบายซอฟต์แวร์แห่งชาติและการพึ่งพาตนเอง ภายในปี 2026 อินเดียมีเป้าหมายที่จะลดการใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ เช่น ไมโครซอฟท์ลง 30-50% ส่งเสริมและลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีโดยนักพัฒนาภายในประเทศ เพื่อใช้ร่วมกัน
ถอดบทเรียนอินเดีย :
จากการไปฝึกอบรมตามโครงการ ITEC ภาณุพงษ์สรุปว่า อินเดียลงทุนอย่างมากในการพัฒนาบุคลากร และพยายามดึงดูดผู้ที่มีความสามารถสูงที่ไปศึกษาในต่างประเทศ เช่น ออกซ์ฟอร์ด ให้กลับมาทำงานในประเทศ ไม่เพียงเท่านั้นอินเดียมีแนวคิดที่ต้องการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์และกล้าลงทุนเพื่อให้ทั่วโลกรู้จักศักยภาพของตนเอง ในฐานะประเทศที่จะก้าวขึ้นเป็นแนวหน้าในเวทีโลก
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 18 กันยายน 2568