50 ปีที่รอคอย NASA พามนุษย์บินรอบดวงจันทร์อีกครั้ง ก.พ. 2026
นาซา (NASA) ประกาศแผนครั้งใหญ่ พามนุษย์เดินทางรอบดวงจันทร์ในภารกิจ Artemis II ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2026 นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งศตวรรษที่มีการส่งมนุษย์กลับไปเยือนดวงจันทร์ หลังจากยุค Apollo 17 ปี 1972
เดิมทีนาซาตั้งเส้นตายไว้ว่าไม่เกินเมษายน 2026 แต่ล่าสุดมีการยืนยันแล้วว่า จะพยายามเร่งเวลาให้ออกเดินทางเร็วขึ้น
กลับไปเยือนดวงจันทร์ :
ภารกิจ Artemis II ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะเป็นการเปิดตัวครั้งที่สองของโครงการ Artemis ที่มีเป้าหมายยิ่งใหญ่คือ ไม่ใช่แค่ “ไป” แต่ต้อง ไปอยู่แบบยาว ๆ ถึงขั้นสร้างการดำรงอยู่ถาวรบนดวงจันทร์เลยทีเดียว
นักบินอวกาศ 4 คนที่จะได้ขึ้นชื่อเป็นผู้บุกเบิกรุ่นใหม่คือ รีด ไวส์แมน (ผู้บัญชาการ), วิคเตอร์ โกลเวอร์ (นักบิน), คริสตินา คอช และเจเรมี แฮนเซน จากองค์การอวกาศแคนาดา ทีมนี้จะเดินทางเป็นเวลา 10 วันรอบดวงจันทร์แล้วกลับมายังโลก แม้จะไม่ได้เหยียบผิวดวงจันทร์ แต่ก็จะกลายเป็นกลุ่มมนุษย์ชุดแรกที่ออกไปไกลกว่าวงโคจรต่ำของโลก
คำพูดจากคนของ NASA :
ลากีชา ฮอว์กินส์ รักษาการรองผู้บริหารนาซา พูดอย่างตื่นเต้นว่า “พวกเราทุกคนกำลังจะได้ดูหน้า ประวัติศาสตร์กันสด ๆ ”
พร้อมเน้นว่าช่วงเวลาการปล่อยอาจเริ่มได้เร็วสุด 5 กุมภาพันธ์ แต่ความปลอดภัยของลูกเรือคือสิ่งที่มาก่อนทุกอย่าง
ขณะที่ ชาร์ลี แบล็กเวลล์-ทอมป์สัน ผู้อำนวยการปล่อยภารกิจอาร์เทมิส เสริมว่า จรวดยักษ์ Space Launch System (SLS) ที่จะใช้พามนุษย์ไปดวงจันทร์นั้น “เกือบพร้อมแล้ว” เหลือแค่ติดตั้งและทดสอบยาน Orion ซึ่งเป็นบ้านของนักบินระหว่างการเดินทาง
เส้นการเดินทางครั้งนี้ :
ก่อนหน้านี้ Artemis I เมื่อปลายปี 2022 เป็นการลองบินแบบไม่มีนักบิน ใช้เวลา 25 วัน โคจรรอบดวงจันทร์แล้วกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้สำเร็จ แม้ตอนนั้นเจอปัญหาเรื่องแผงกันความร้อน แต่ก็แก้ไขเรียบร้อยแล้ว
รอบนี้ Orion จะถูกติดตั้งอยู่บนยอดของ SLS และออกเดินทางตามแผนการสุดซับซ้อนนี้:
2 นาทีแรก: บูสเตอร์สองตัวพายานขึ้นฟ้า ก่อนจะแยกตัวทิ้งกลับโลก
8 นาทีหลังปล่อย: Core Stage แยกออก เหลือ Orion + ICPS (Interim Cryogenic Propulsion System)
90 นาทีถัดมา: ICPS ยิงเครื่องยนต์ยกวงโคจรขึ้นสูง แล้วเข้าสู่การตรวจระบบเต็ม ๆ 25 ชั่วโมง
ช่วงนี้: Orion แยกตัวและทดสอบ Proximity Operations Demonstration หรือที่เรียกขำ ๆ ว่า “ระบำอวกาศ” นักบินจะควบคุม Orion ให้เข้าใกล้และถอยห่างจาก ICPS เพื่อซ้อมเทคนิคเชื่อมต่อในอนาคต
23 ชั่วโมงต่อมา: Orion ยิงเครื่องยนต์ทำ Translunar Injection (TLI) มุ่งหน้าดวงจันทร์ ใช้เวลา 4 วัน เดินทางไกลกว่า 230,000 ไมล์จากโลก
ไฮไลต์: Orion จะโคจรเลยดวงจันทร์ไปอีก 5,000 ไมล์ทะเล (9,200 กม.) ซึ่งเป็นการเดินทางไกลที่สุดที่มนุษย์เคยไป
ภารกิจทดลองแบบ “มนุษย์หนูทดลอง” :
นักบินทั้ง 4 จะไม่ใช่แค่ผู้โดยสาร แต่เป็นเหมือน มนุษย์หนูทดลอง ในอวกาศ เหล่านี้จะถูกเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อนำไปสร้าง “ออร์กาโนอิด” (เนื้อเยื่อเล็ก ๆ ที่เติบโตในแล็บ) ทั้งก่อนและหลังภารกิจ
ดร.นิกกี ฟอกซ์ หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ของนาซา อธิบายว่า “เราอยากรู้ว่าร่างกายพวกเขาจะเปลี่ยนไปยังไงเมื่อเจอไมโครกราวิตีและรังสีในอวกาศ เราไม่สามารถผ่าตัวนักบินได้ แต่เราผ่าออร์กาโนอิดเหล่านี้ได้”
กลับบ้านก็เสี่ยง :
เมื่อเสร็จสิ้นการโคจรรอบดวงจันทร์ Orion จะใช้แรงโน้มถ่วงโลกช่วยดึงกลับมา โมดูลบริการที่เป็นระบบขับดันหลักจะแยกออก เหลือเพียงแคปซูลลูกเรือ
นี่คือช่วงที่น่าลุ้นที่สุด เพราะยานต้องทนความร้อนมหาศาลจากการเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ก่อนกางร่มชูชีพลงจอดในมหาสมุทรแปซิฟิกใกล้ชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย
อนาคตของ Artemis III :
ถ้า Artemis II ผ่านฉลุย นาซาจะเดินหน้าสู่ Artemis III ซึ่งมีเป้าหมายยิ่งใหญ่กว่าเดิม คือ พามนุษย์ลงเหยียบพื้นดวงจันทร์จริง ๆ
แต่ก็ยังมีเสียงจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น ดร.ไซมีออน บาร์เบอร์ จากมหาวิทยาลัยโอเพน ที่มองว่าแผน “no earlier than mid-2027” (ไม่ก่อนกลางปี 2027) อาจจะมองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะ Artemis III ต้องพึ่งพา Starship ของ SpaceX ในการพาขึ้นลงดวงจันทร์ และจนถึงตอนนี้ Starship ยังไม่ผ่านการทดสอบบินโคจรรอบโลกเลยด้วยซ้ำ
Artemis II จะเป็นการเดินทางรอบดวงจันทร์ 10 วัน
นักบิน 4 คน จากนาซา 3 + อวกาศแคนาดา 1
จุดประสงค์หลัก: ทดสอบระบบ และเก็บข้อมูลร่างกายมนุษย์ในอวกาศ
ความสำเร็จครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินว่า มนุษย์จะกลับไป เหยียบดวงจันทร์จริง ๆ ได้เร็วแค่ไหน และการกลับมาลงจอดบนพื้นโลก ความเสี่ยงที่คาดการณ์ไว้ จะเกิดขึ้นหรือไม่
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 24 กันยายน 2568