นับถอยหลัง 3 เดือน EU เก็บภาษีคาร์บอน CBAM เขย่าการค้าโลก
In Brief :
* สหภาพยุโรป (EU) จะเริ่มใช้มาตรการภาษีคาร์บอน (CBAM) ในอีกไม่ถึง 3 เดือนข้างหน้า โดยกำหนดให้สินค้านำเข้าที่มีการปล่อยคาร์บอนสูง เช่น เหล็ก ซีเมนต์ ปุ๋ย และอะลูมิเนียม ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
* เป้าหมายหลักของมาตรการนี้คือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ป้องกันการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่กฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมอ่อนกว่า (Carbon Leakage) และสร้างการแข่งขันที่เท่าเทียม
* นโยบายดังกล่าวสร้างความกังวลและเสียงคัดค้านจากประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐฯ จีน อินเดีย และบราซิล ซึ่งมองว่าเป็นอุปสรรคทางการค้าและอาจนำไปสู่มาตรการตอบโต้
สหภาพยุโรปเหลือเวลาไม่ถึงสามเดือนก่อนเปิดตัวการจัด เก็บภาษีคาร์บอน CBAM มาตรการแรกของโลกที่บังคับใช้ภาษีชายแดนต่อสินค้าที่มีความเข้มข้นในการปล่อยคาร์บอน
มาตรการที่จะเกิดขึ้นนี้มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงระบบการค้าโลก และถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของกลุ่มประเทศอียูในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมหนัก พร้อมทั้งส่งเสริมกระบวนการผลิตที่สะอาดมากขึ้นทั่วโลก
เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีหน้า กลไกการปรับคาร์บอนชายแดนของอียู (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) จะกำหนดต้นทุนเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากนอกกลุ่มสมาชิก 27 ประเทศ โดยครอบคลุมสินค้าเหล็ก ปุ๋ย ซีเมนต์ อะลูมิเนียม และไฮโดรเจน
ตามข้อกำหนดนโยบาย ผู้นำเข้าสินค้าดังกล่าวเข้าสู่สหภาพยุโรปจะต้องซื้อ “ใบรับรอง CBAM” เพื่อครอบคลุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้อง ซึ่งราคาของใบรับรองนี้คาดว่าจะเท่ากับราคาตลาดในระบบซื้อขายการปล่อยคาร์บอนของอียู (EU Emissions Trading System: ETS)
กระแสคัดค้าน :
ไม่ใช่ทุกฝ่ายที่ยินดีต่อภาษีคาร์บอนชายแดนของอียู สหรัฐฯ จีน อินเดีย และบราซิล อยู่ในกลุ่มประเทศที่แสดงความกังวล โดยบางประเทศขู่ใช้มาตรการตอบโต้ และบางประเทศเตือนว่านโยบายดังกล่าวอาจเป็นอุปสรรคต่อความพยายามด้านสภาพภูมิอากาศโลก
นิโคลาส เอนเดรส ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ ClimEase บริษัทซอฟต์แวร์ด้าน CBAM ระบุว่า ระบบภาษีคาร์บอนผนวกกับมาตรการภาษีศุลกากรของอียู จะเปลี่ยนโฉมการค้าโลกในรูปแบบที่ธุรกิจส่วนใหญ่ยังไม่ทันตระหนัก โดยอุตสาหกรรมเหล็ก ซีเมนต์ ปุ๋ย และอะลูมิเนียมจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
“ไม่แปลกใจที่สหรัฐฯ บราซิล และอินเดียจะออกมาแสดงความกังวลต่อมาตรการนี้ โดยชี้ว่าประเทศที่ไม่มีระบบซื้อขายคาร์บอน (ETS) จะเผชิญแรงกดดันจากภาษีดังกล่าวโดยตรง”
อียูยืนยันว่า CBAM มีเป้าหมายในการกำหนดราคาที่เป็นธรรมต่อการปล่อยคาร์บอนที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิตสินค้าที่เข้มข้นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มาตรการนี้ยังออกแบบมาเพื่อป้องกันสิ่งที่เรียกว่า “การรั่วไหลของคาร์บอน” (carbon leakage) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อบริษัทตัดสินใจย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดน้อยกว่า
บททดสอบภาวะผู้นำด้านสภาพภูมิอากาศ :
สหรัฐฯ ได้เตือนว่ากฎระเบียบด้านสภาพภูมิอากาศของยุโรปอาจเป็นภัยคุกคามต่อข้อตกลงทางการค้าระหว่างสองฝ่ายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำข้อตกลงกรอบกับ เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม โดยกำหนดเพดานภาษีศุลกากรที่ 15% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่จากอียู ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป อัตรานี้ต่ำกว่าระดับ 30% ที่สหรัฐฯ เคยขู่จะใช้ แต่ยังสูงกว่าระดับฐาน 10% ที่อียูหวังจะได้
คริส ไรท์ รัฐมนตรีพลังงานของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับ Financial Times เมื่อเดือนก่อน ระบุว่า หากไม่มีการปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ มาตรการ CBAM ของอียู รวมถึงกฎระเบียบสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ จะสร้างความเสี่ยงทางกฎหมายมหาศาลต่อบริษัทพลังงานฟอสซิลของสหรัฐฯ ที่ส่งขายไปยังยุโรป
ประเทศอื่น ๆ ที่เผชิญผลกระทบจาก CBAM ของอียูก็ออกมาวิพากษ์เช่นกัน โดยอินเดียประกาศว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ต่อภาษีคาร์บอนชายแดน พร้อมย้ำว่าประเทศรายได้สูงที่มีความรับผิดชอบทางประวัติศาสตร์ต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ควรต้องทำมากกว่านี้ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
จีน บราซิล และรัสเซีย ต่างก็แสดงความกังวลต่อมาตรการดังกล่าว ทั้งในการเจรจาด้านสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ และในเวทีองค์การการค้าโลก (WTO)
เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอิน เคยระบุไว้ในแถลงการณ์ปี 2019 ก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการยุโรปว่า ตั้งใจจะผลักดันภาษีคาร์บอนชายแดนเพื่อหลีกเลี่ยงการรั่วไหลของคาร์บอนและช่วยให้บริษัทในอียูแข่งขันได้อย่างเท่าเทียม นโยบายดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของอียูในการลดการปล่อยก๊าซลงอย่างน้อย 55% ภายในสิ้นทศวรรษนี้
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 3 ตุลาคม 2568