หอการค้า ปรับเพิ่มเป้าจีดีพีปี 2568 นี้เป็น 2% หลังส่งออกดี-เอกชนลงทุนเพิ่ม
หอการค้า ปรับเป้าจีดีพีไทยปี 2568 นี้เป็น 2% จากเดิม 1.7% ปัจจับบวกส่งออกโตเกินคาด-ลงทุนภาคเอกชนพลิกบวก ขณะที่มาตรการคนละครึ่งพลัส-เติมเงินบัตรคนจน กระตุ้นเศรษฐกิจโตเพิ่ม 0.44% พร้อมจับตาหากยุบสภาก่อน 4 เดือน ปิดด่านยาวทั้งปี เสี่ยงฉุดจีดีพีโตแค่ 1.2%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ประกาศปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 จาก 1.7% เป็น 2.0% เนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจมากกว่าผลลบ
โดยปัจจัยบวกสำคัญที่ช่วยผลักให้จีดีพีทั้งปีปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ จีดีพีในช่วงครึ่งปีแรก ขยายตัวได้สูงถึง 3% เร่งขึ้นจากประมาณการเดิม, การส่งออกครึ่งปีแรกขยายตัว 15% โตเกินคาด จากการเร่งนำเข้าของสหรัฐอเมริกา และคาดว่าทั้งปีนี้จะโตเพิ่มขึ้นจากเป้าเดิม 2.5% เป็น 6% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนครึ่งปีแรก ขยายตัวเป็นบวก 1.4% หลังจากที่ติดลบมานาน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการดำเนินโครงการคนละครึ่งพลัส และเติมเงินบัตรคนจน คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจรวม 59,080 ล้านบาท และ 23,000 ล้านบาทตามลำดับ จะช่วยผลักให้จีดีพีปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.44%
ส่วนปัจจัยลบสำคัญคือนักท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวนเพียง 16.7 ล้านคน และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมฟื้นตัวเพียง 80.0% เมื่อเทียบกับระดับก่อนโควิด-19, มีรัฐบาลเสียงข้างน้อยบริหารประเทศในระยะเวลาสั้นเพียง 4 เดือน, ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชายืดเยื้อคาดว่ามีการปิดด่านไปจนถึงปลายปี เบื้องต้นคาดว่าจะสร้างผลกระทบด้านการค้าราว 59,103 ล้านบาท ฉุดจีดีพี ลดลง 0.32% และยังมีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่รวม 5.3 ล้านไร่ ใน 36 จังหวัด
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือจนถึงสิ้นปีเศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบทำให้จีดีพีทั้งปีนี้ต่ำหรือสูงกว่าเป้าคาดการณ์ใหม่ 2% ซึ่งเป็นกรณีฐาน หรือกรณีที่มหาวิทยาลัยคาดว่าเป็นไปได้มากที่สุดได้ ได้แก่ ปัจจัยยทางด้านภาษี Transshipment, เสถียรภาพของรัฐบาลเสียงข้างน้อย, ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว ซึ่งจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
โดยมหาวิทยาลัยได้ทำแบบจำลองสถานการณ์ไว้เพิ่มเติมดังนี้ กรณีที่แย่ที่สุด จีดีพีปีนี้อาจโตเพียงลดลงเหลือ 1.2% หากสหรัฐประกาศสัดส่วน Local Content เพิ่มจาก 40% เป็น 60%, รัฐบาลประกาศยุบสภาก่อน 4 เดือน, ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดทั้งปี และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเหลือ 33 ล้านคน และกรณีที่ดีที่สุด จีดีพีอาจโตเพิ่มขึ้นเป็น 2.4% หากการเจรจาภาษี Transshipment ยังไม่ เสร็จสิ้นภายในปี 2568, ยุบสภาภายใน 4 เดือน ตามข้อตกลง เปิดด่านชายแดนภายในเดือน ต.ค. 2568 และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 34 ล้านคน
“เราปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีปีนี้เป็น 2% แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกและลบ ที่อาจทำให้โตสูงหรือต่ำกว่าเป้าได้ ต้องจับตาดูปัจจัยเสี่ยงเรื่องการยุบสภา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ความขัดแย้งชายแดน และการประกาศอัตราภาษี Transshipment ทั้งนี้ ต้องขอดูผลของมาตรการคนละครึ่ง และบัตรสวัสดิการรัฐก่อนว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากแต่ไหน เบื้องต้นคาดว่าทั้ง 2 มาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ให้ฟื้นขึ้นได้แน่นอน ส่วนจีดีพีในปีหน้ายังมองไม่ชัด แต่อาจจะเติบโตได้ราว 2-2.5%”
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 8 ตุลาคม 2568