ไทยมีความปลอดภัย! ซอฟต์พาวเวอร์ที่โลกต้องการ
ประเด็นร้อน จับกระแส ประเทศไทย มีความปลอดภัย! ซอฟต์พาวเวอร์ Soft Power ที่โลกต้องการ
ท่ามกลางโลกเกิดความขัดแย้งสูง จากเหตุสงครามหลากรูปแบบ ไล่มาตั้งแต่
* สงครามแย่งชิงดินแดน การสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน
* สงครามก่อการร้าย การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับฮามาส
* สงครามการค้า ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน
กล่าวข้างต้น เราทราบกันดีอยู่แล้ว โลกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายตามขั้วประเทศมหาอำนาจ ซึ่งยากจะเห็นความสงบสุข ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างหาพื้นที่ปลอดภัย
อีกทั้งอย่าลืมว่า ยังมีสงครามการค้ามนุษย์ที่มีคนหลากหลายชาติถูกหลอกมาทำงานเป็นสแกมเมอร์ ขบวนการคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงโอนเงินจากทั่วโลกนับหลายแสนล้านบาทในแต่ละปี ซึ่งฐานเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ใหญ่อยู่ในประเทศกัมพูชา
การที่สหรัฐอเมริกา กับอังกฤษ เปิดปฏิบัติร่วมครั้งใหญ่คว่ำบาตรทางการเงินกลุ่มธุรกิจใกล้ชิดผู้นำในรัฐบาลกัมพูชา กรณีข้อหาฟอกเงินจากเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติผ่านการหลอกลวงออนไลน์
ยิ่งไปกว่านั้น เกาหลีใต้ ประกาศมาตรการตอบโต้เตือนห้ามเดินทางมาประเทศกัมพูชา จากคดีฆาตกรรมนักศึกษาชาวเกาหลีในเขมร ท่ามกลางประเด็นที่ว่า พลเมืองเกาหลี 63 รายที่ถูกควบคุมตัว และอีกกว่า 300 คนได้สูญหาย
ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือชาวเกาหลีจากคุมขังถูกทรมานเป็นทาสในขบวนการสแกมเมอร์ ซึ่งไม่อาจสาธยายวิธีการอันเลวร้ายที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ในการบังคับใช้แรงงานเพื่อหลอกลวงคนจากชาติต่างๆ เพื่อได้มาของทรัพย์สินในโลกออนไลน์
พูดก็พูดเถอะ เครือข่ายสแกมเมอร์หรือคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย ทำให้ประชาชนต้องสูญเงินรวมปีละแสนล้านบาท
ผู้ตกเป็นเหยื่อบางคนต้องจบชีวิตลงเพราะสิ้นเนื้อประดาตัว บางครอบครัวเกิดเหตุการณ์สลดสุดสะเทือนใจ แม้หลังปราบปรามเข้มข้นทำให้ปัญหาดูเหมือนจะเบาลงบ้าง
จากการสกัดกั้นคอลเซ็นเตอร์ การจับบัญชีม้าบุคคล จัดการบัญชีม้าบริษัท แต่ปัญหายังไม่หมดไปเพราะฐานสแกมเมอร์อยู่ในกัมพูชาและเมียนมายังคงหาช่องทางในการหลอกลวงออนไลน์หลากรูปแบบอยู่อย่างต่อเนื่อง
ยิ่งถ้ามีเจ้าหน้าที่รัฐและพนักงานเอกชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมออนไลน์ประชาชน เข้าไปร่วมขบวนการด้วย จากการติดสินบนและการฉ้อโกง จะทำให้ปัญหาไม่ถูกสะสางโดยง่าย
ดังนั้น รัฐบาลจะต้องปราบปรามอย่างหนักต่อเนื่องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ เร่งเป็นนโยบายสำคัญเพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
โดยรุกรับสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และเกาหลีใต้ ในการปฏิบัติการที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศจีนได้ร่วมมือกับไทยจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมาที่ตั้งฐานริมชายแดนมาแล้ว ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อสายตาชาวเอเชีย
ขณะที่ ภาพลักษณ์ไทยในมุมมองเป็นชาติที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยต่อการพักผ่อนหย่อนใจมาเนินนานของชาวต่างชาติ นับเป็นจุดแข็งเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่โลกรู้จักเราดี เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมา ปัญหาสงครามหลากรูปแบบ และสงครามการค้ามนุษย์เรื่องสแกมเมอร์ได้รุนแรงขึ้น
แม้ว่าไทยจะไม่ใช่ฐานโจรออนไลน์ แต่เป็นทางผ่านการค้ามนุษย์และฟอกเงินที่ถูกมองในแง่ไม่ดี
กล่าวคือ เมื่อโลกต้องการปราบสแกมเมอร์เป็นข่าวใหญ่ ควรชิงกระแส ซึ่งไทยควรแอกชั่นทันสถานการณ์ รุกมาตรการปัดกวาดบ้านเมืองและชายแดน แก้ปัญหาอาชญากรรม สอดรับสร้างภาพลักษณ์ความปลอดภัยและน่าท่องเที่ยว ย่อมกลายเป็น ไทย ซอฟต์พาวเวอร์ พลัส มีแต่ได้กับได้!
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 16 ตุลาคม 2568