จีนประชุมใหญ่เริ่มแล้ว "Fourth Plenum" กำหนดอนาคตเศรษฐกิจอีก 5 ปีข้างหน้า
พรรคคอมมิวนิสต์จีนประชุมเต็มคณะที่มีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนเข้าร่วม เริ่มทบทวนประเด็นหลักในร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด้านนักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิดเพื่อหาสัญญาณการเปลี่ยนทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า การประชุมครั้งสำคัญที่สุดในปฏิทินการเมืองจีนประจำปี 2025 เริ่มต้นในวันนี้ (20 ตุลาคม) โดยคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะจัดการประชุมสี่วัน หรือที่เรียกว่าการประชุมใหญ่สมัยที่สี่ (Fourth Plenum) ในวันที่ 20-23 ตุลาคมเพื่อทบทวนประเด็นหลักของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 แม้ว่ารายละเอียดจะเผยแพร่ในเดือนมีนาคมปีหน้า แต่นักลงทุนจะจับตาการประชุมอย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณนโยบายใดๆ หรือการเปลี่ยนทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ
การประชุมใหญ่นี้จะมีผู้นำระดับสูงของพรรคหลายร้อยคนเข้าร่วมรวมถึงสี จิ้นผิง มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 (ปี 2026-2030) ซึ่งเป็นกรอบยุทธศาสตร์ 5 ปีข้างหน้าของจีน
การประชุมนี้จึงมีความสำคัญไม่เพียงในแง่การกำหนดทิศทางของมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกในช่วงที่เหลือของทศวรรษเท่านั้น โดยเฉพาะคำถามว่าจีน จะหันมาเน้นด้านการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยการบริโภคภายในประเทศแทนการลงทุนและการส่งออกหรือไม่ แต่ยังส่งแรงสะเทือนไปทั่วโลกโดยเฉพาะมิติด้านการค้าระหว่างประเทศ ก่อนการประชุมระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิงและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐในปลายเดือนตุลาคมนี้
แม้ว่าความคาดหวังของนักลงทุนจะดูไม่มากนัก แต่การประชุมครั้งนี้อาจช่วยขยายการเติบโตของหุ้นจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเทคโนโลยี พลังงานแสงอาทิตย์ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ดัชนี MSCI China ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017 โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นใน AI
“เราคาดว่าประเด็นด้านอุปทานจะยังคงมีความต่อเนื่อง โดย AI จะมีบทบาทโดดเด่นมากขึ้นภายใต้แนวคิด ‘พลังการผลิตใหม่’ ควบคู่ไปกับการผลิตขั้นสูง” นายแกรี่ ตัน ผู้จัดการกองทุนของ Allspring Global Investments ในสิงคโปร์กล่าว และระบุอีกว่า มาตรการระยะสั้นใดๆ ที่จะกระตุ้นการบริโภคหลังช่วงวันหยุดโกลเดนวีกจะถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจในเชิงบวก
โดยสรุป การประชุมทางการเมืองครั้งสำคัญที่กรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้อาจนำไปสู่มาตรการนโยบายใหม่ๆ เพื่อต่อยอดการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 8 ปี และหนุนค่าเงินหยวน ขณะที่นักลงทุนกำลังพิจารณาความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นของสหรัฐ
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 20 ตุลาคม 2568