"ศุภจี" ดัน FTA ไทย–เปรู ปิดจบสิ้นปี 68 แจ้งทูตพร้อมรุกตลาดอเมริกาใต้
KEY POINTS :
* รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หารือกับเอกอัครราชทูตเปรู เพื่อเร่งรัดการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรี (FTA) โดยตั้งเป้าให้สรุปผลได้ภายในสิ้นปี 2568
* การยกระดับ FTA มุ่งเปิดโอกาสทางการค้าและการลงทุนใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการทั้งสองประเทศในหลายอุตสาหกรรม เช่น สินค้าเกษตร ยานยนต์ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
* เปรูพร้อมเปิดรับการลงทุนจากไทย โดยชูท่าเรือชานไค (Port of Chancay) เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าแห่งใหม่ เพื่อเชื่อมโยงการค้าระหว่างเอเชียและอเมริกาใต้

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกันให้การต้อนรับ นางสาวเซซิเลีย ซูนิลดา กาลาร์เรตา บาซัน (H.E. Ms. Cecilia Zunilda Galarreta Bazán) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเปรูประจำประเทศไทย ณ กระทรวงพาณิชย์
ทั้งนี้ ได้มีการหารือแนวทางเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างไทย–เปรู พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นร่วมกันของทั้งสองฝ่ายในการเร่งรัดการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย–เปรู ให้สามารถสรุปผลในสาระสำคัญภายในสิ้นปี 2568
ขณะเดียวกัน ไทยและเปรูมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นมายาวนานกว่า 60 ปี และต่างมีศักยภาพสูงในการเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจ โดยการปรับปรุงและยกระดับความตกลงทางการค้าที่ลงนามไว้กว่า 20 ปีให้ทันสมัย จะช่วยเปิดโอกาสทางการค้าและการลงทุนใหม่ ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการทั้งสองประเทศ ทั้งในด้านสินค้าเกษตร อาหารแปรรูป ยานยนต์ เครื่องจักร และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
รวมถึงการเสริมสร้างความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน และการขนส่งสินค้าระหว่างเอเชียกับอเมริกาใต้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และได้ให้ความสำคัญต่อการสานต่อความร่วมมือและขับเคลื่อนการเจรจา FTA อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เปรูยังแจ้งว่า มีความพร้อมในด้านเศรษฐกิจ การค้าและโครงสร้างพื้นฐาน และเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเปรูได้เปิดท่าเรือชานไค (Port of Chancay) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ซึ่งเปรูได้วางเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของอเมริกาใต้ และเพิ่มปริมาณการนำเข้า-ส่งออก ระหว่างเอเชียและอเมริกาใต้ให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยขยายตลาดไปสู่อเมริกาใต้ได้สะดวกมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือผ่านกิจกรรมส่งเสริมการค้าและการลงทุนร่วมกัน อาทิ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติในไทย เช่น Bangkok Gems & Jewelry, THAIFEX–Anuga Asia, THAIFEX-HOREC ASIA กิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ รวมทั้งการขยายความร่วมมือในมิติอื่น อาทิ
การส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม อาหาร และแฟชั่น รวมถึงการส่งเสริมร้านอาหารไทยผ่าน Thai Select เพื่อเชื่อมโยงประชาชนของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น พร้อมย้ำเจตนารมณ์ที่จะผลักดันให้ ไทย–เปรู ก้าวสู่การเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและสมดุลในอนาคต
สำหรับการค้าไทย-เปรู ในช่วงมกราคม-สิงหาคม ปี 2568 เปรูเป็นคู่ค้าอันดับที่ 61 ของไทย (ไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 28 ของเปรู) มีมูลค่าการค้ารวม 362.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (12,024.55 ล้านบาท) ไทยได้ดุลการค้าคิดเป็นมูลค่า 189.91 ล้านดอลลาร์ (6,265.41 ล้านบาท)

โดยส่งออกไปเปรูเป็นมูลค่า 276.20 ล้านดอลลาร์ (9,144.98 ล้านบาท) สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเครื่องซักผ้าและเครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ
ขณะที่ไทยนำเข้าจากเปรูเป็นมูลค่า 86.29 ล้านดอลลาร์ (2,879.57 ล้านบาท) สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็งแปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ และผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ อาทิ บลูเบอร์รี
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 21 ตุลาคม 2568