"คนละครึ่งพลัส" เฟสแรกคึกคัก 8 โมงเช้า ยอดใช้จ่ายพุ่ง 84 ล้านบาท
ปลัดคลังเผย "คนละครึ่งพลัส" เฟสแรกคึกคัก 8 โมงเช้า ยอดใช้จ่ายพุ่ง 84 ล้านบาท ยันนายกฯ ไฟเขียว "เฟส 2" พร้อมเร่งจับกุมทุจริตแลกเงินสด
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงภาพรวมของโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ว่า บรรยากาศของการใช้จ่ายเงินวันแรกของโครงการมีความคึกคักและได้รับความสนใจอย่างมาก โดยระบบทำงานได้ดีกว่าเดิมและรวดเร็วมาก ณ เวลา 8:00 น. มีจำนวนผู้ใช้จ่ายกว่า 477,000 ราย คิดเป็นยอด ใช้จ่ายจากทั้งส่วนของรัฐและประชาชนรวมกว่า 84 ล้านบาท โดยเป็นการใช้จ่ายกับร้านค้า 133,000 ร้านค้า
"กระทรวงการคลัง จะมีการรายงานยอดการใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่งพลัสเป็นรายวัน ยืนยันว่าระบบในปัจจุบันมีความเสถียรกว่าเดิมมาก และแนะนำให้ประชาชนเติมเงินเข้า G-Wallet ไว้ล่วงหน้าก่อนการใช้จ่ายจริง เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน"
ขณะนี้มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วรวม 664,000 ร้านค้า โดยมี 38,000 ร้านค้าอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติ โดยร้านค้าส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการกว่า 300,000 ร้านค้า เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม และร้านค้าธงฟ้ามีประมาณ 150,000 ร้านค้า
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาการกระจายตัวของร้านค้าตามภูมิภาคพบว่า มีร้านค้าในภาคอีสาน ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการมากที่สุด 21% รองลงมาเป็นภาคใต้ 15% กรุงเทพฯ 14% ปริมณฑล 14% ภาคกลาง 13% ภาคตะวันออก 11% และภาคตะวันตก 4%
"สำหรับการลงทะเบียนร้านค้าจะยังเปิดให้มีการลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 ธ.ค.2568 ซึ่งคาดว่ายอดร้านค้าจะมีการทยอยเข้าร่วมมากขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนร้านข้างเคียงขายได้ดี"
นายลวรณ กล่าวต่อว่า "โครงการคนละครึ่งพลัส"ได้ปิดยอดการลงทะเบียนไปที่ 20 ล้านคน โดยมีจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนเกินมาเล็กน้อยราว 400,000 คน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่าจะมีโครงการ "คนละครึ่งพลัส" เฟส 2 อย่างแน่นอน
ดยการดำเนินงานในเฟส 2 จะมีการออกแบบที่ไม่เหมือนกับเฟส 1 เบื้องต้นมีแนวคิดว่าอาจจะให้สิทธิ์กับกลุ่มคนที่ ตกหล่นก่อนหรือเข้าไม่ถึงโครงการในเฟสแรก รวมทั้งให้สิทธิ์ผู้ที่ยื่นแบบภาษีมากกว่า
ทั้งนี้ จะมีการพิจารณานำเงินที่เหลือจากเฟสแรก กรณีหากมีคนไม่ใช้จ่ายครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. เพื่อมาดำเนินการในเฟส 2 โดยจะมีการประเมินผลการใช้จ่ายในช่วง 7 วันแรก ก่อนที่จะออกแบบโครงการเฟส 2 ให้ตรงกับความต้องการต่อไป
จับทุจริต :
นายลวรณ กล่าวว่า ยอมรับว่าพบพฤติกรรมการทุจริตในโครงการ โดยเฉพาะการ "รับแลกเป็นเงินสด" ซึ่งมีการหักเปอร์เซ็นต์ โดยพฤติกรรมนี้เกิดขึ้นทั้งจากฝั่งร้านค้าและฝั่งประชาชน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลัง ยืนยันว่าระบบสามารถตรวจจับการทุจริตได้อย่างรวดเร็วมาก และมีการประสานงานที่ดีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารกรุงไทย ตำรวจ และมหาดไทย โดยมีเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิด
โดยจะมีการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบถึงการจับกุมในบ่ายวันนี้ (29 ต.ค.)
นายลวรณ กล่าวต่อว่า สำหรับบทลงโทษหากตรวจพบทุจริต จะมีการตัดสิทธิ์บุคคลหรือร้านค้าดังกล่าวออกจากโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ทันที และการกระทำผิดนี้จะถูกบันทึกไว้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการไม่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลในอนาคต นอกจากนี้ อาจมีโทษทางอาญาและทางแพ่งตามมาตรากฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขึ้นอยู่กับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 29 ตุลาคม 2568

