รู้จัก ซาอุดีอาระเบียยุค Vision 2030
รู้จัก ซาอุดีอาระเบียยุค Vision 2030 กับแผนพลิกประเทศเศรษฐีน้ำมัน สู่มหานครอนาคต "NEOM-The Line" ดินแดนโอกาสใหม่ของไทย?
ซาอุดีอาระเบีย…ประเทศผู้ครองทรัพยากรพลังงานระดับโลก กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้วยแผนยุทธศาสตร์ที่ชื่อว่า ‘Vision 2030’
‘Vision 2030’ ถือเป็นแผนยุทธศาสตร์ ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อพลิกโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จากประเทศที่พึ่งพารายได้จากน้ำมันเป็นหลัก สู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

ผู้นำซาอุดีอาระเบียตระหนักดีว่า แม้น้ำมันจะยังอุดมสมบูรณ์ แต่การยึดรายได้เพียงด้านเดียวไม่อาจรองรับอนาคตของประเทศได้อีกต่อไป ‘Vision 2030‘ จึงมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน พร้อมทั้งเสริมสร้างบทบาทของชาติในเวทีโลกให้แข็งแกร่งกว่าเดิม
ลดพึ่งพาแค่น้ำมัน สร้าง ‘NEOM–The Line’ เมืองอัจฉริยะ สู่โลกแห่งอนาคต
โดยจะเห็นได้จาก หนึ่งในโครงการที่สร้างความฮือฮาของแผนนี้มากที่สุด คือ ‘NEOM’ เมืองอัจฉริยะต้นแบบแห่งอนาคต ซึ่งประกอบด้วยโครงการสำคัญอย่าง ‘The Line’ เมกาซิตี้มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเมืองที่ถูกออกแบบให้เป็นศูนย์รวมของเทคโนโลยี ความยั่งยืน และวิถีชีวิตใหม่ของมนุษย์ยุคศตวรรษที่ 21
Vision 2030 จึงไม่ใช่เพียงแผนพัฒนา แต่คือการประกาศเจตนารมณ์ของชาติ ที่ต้องการก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมๆ และสร้างอนาคตที่มั่นคงด้วยพลังของ นวัตกรรมและความหวังของผู้คนทั้งประเทศ และอาจเป็นโอกาสใหม่ของนักลงทุนไทย
ดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด และประธานหลักสูตร TME กิตติมศักดิ์ กล่าวในงาน TME FORUM: THAILAND-SAUDI BRIDGE ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘VISION 2030 และโอกาสธุรกิจไทยสู่ซาอุดีอาระเบีย’ ว่า
รัฐบาลไทยจัดให้ซาอุดีอาระเบียเป็น 1 ใน 10 ประเทศเป้าหมายการค้า-การลงทุน
เนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค มีกำลังซื้อสูง และมีศักยภาพในการขยายตัวสูง Vision 2030 มี 3 เสาหลักที่สำคัญ ได้แก่ การสร้างสังคมที่มีชีวิตชีวา การสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อน และการเป็นชาติที่มีความทะเยอทะยาน
5 ปีที่ผ่านมา มีคณะผู้แทนต่างประเทศหลั่งไหลเข้าสู่กรุงริยาดอย่างต่อเนื่อง การจัดตั้ง สภาความร่วมมือซาอุดีอาระเบีย-ไทย (STCC) ซึ่งมีการประชุมครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปี ถือเป็นการสร้าง ‘สะพานเชื่อมขนาดใหญ่’ ที่หายไประหว่างสองประเทศ สำหรับการทำธุรกิจ
ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ในฐานะประธานจัดงาน ได้กล่าวถึงบทบาทของสถาบัน TME ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ว่า สถาบัน TME จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อสร้างสะพานเครือข่าย เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเดินเข้าสู่ตลาดตะวันออกกลางได้แข็งแกร่ง ภายใต้แนวคิด ‘Connection to Empowerment’
ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ในขณะที่โลกเผชิญภูมิรัฐศาสตร์ ภาษีสหรัฐฯ ตลาดดั้งเดิมอย่างยุโรปและจีนชะลอตัวต่อเนื่อง การมองหา ‘พื้นที่หากินใหม่’ จึงกลายเป็นโจทย์สำคัญของภาคธุรกิจระดับโลก
โดยหนึ่งในภูมิภาคที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในขณะนี้คือกลุ่มประเทศ GCC ซึ่งเป็นตลาดเปิดกว้างและมีศักยภาพสูง ทั้งการลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน และโอกาสทางเศรษฐกิจที่ยังเติบโตได้อีกมาก
ฟื้นสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย ‘โอกาสทอง’ ผู้ประกอบการไทย :
ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบียที่ฟื้นคืนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คือ ‘โอกาสทอง’ แต่การเดินเข้าสู่ตลาดด้วยตนเองนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย จึงต้องอาศัย ‘สะพานเชื่อม’
ยิ่งไปกว่านั้น ซาอุดีอาระเบียเดินหน้าตอกย้ำวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยประกาศเพิ่มบทบาทของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และย้ำว่าการเพิ่มผลตอบแทนจากทรัพยากรธรรมชาติจะต้องสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ‘ไม่ใช่การใช้ทรัพยากรอย่างไร้ทิศทาง’
อย่างในการประชุมล่าสุด ผู้นำซาอุฯ ระบุชัดว่า ประเทศจะยึดหลัก inclusive growth หรือการเติบโตที่ ‘ครอบคลุมและยั่งยืน’ เท่านั้น
โดยยืนยันว่า หากแนวทางการพัฒนาใดไม่ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มได้รับประโยชน์ หรือไม่มีความยั่งยืนในระยะยาว ซาอุฯ จะไม่ทำ
“แม้ยังเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก แต่ซาอุดีอาระเบียกำลังมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและนวัตกรรมของภูมิภาค ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (energy transition) และความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของ AI ซึ่งผลักดันให้ประเทศต้องเร่งปรับตัวและวางยุทธศาสตร์ใหม่”
นี่คือผลจาก วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และการลงมือทำจริง ของรัฐบาลซาอุฯ

ซาอุดิอาระเบีย ‘ศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของโลก’ :
นุจรี ภักดีเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการเงินอิสลามเป็นกลไกสำคัญเสมือน ประตูบานแรก จะเป็นสะพานที่เชื่อมโยงทั้งด้านการค้า การลงทุน ระบบการชำระเงิน และการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดใหญ่ตะวันออกกลาง
“นี่คือจังหวะที่ถือเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการไทย ซึ่งระบบการเงินอิสลามสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำธุรกิจ”
ทว่า หากมองการยกระดับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ในช่วงเวลาที่ Vision 2030 วันนี้อยู่ที่เฟส 3 ก้าวหน้าเกิน 85% แล้ว และซาอุดีอาระเบียกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของโลก
เติบโตก้าวกระโดด ‘Non-Oil GDP’ ขยับเข้าใกล้ 60% :
ทั้งนี้ จากข้อมูลรายงานประจำปี Vision 2030 และ Financial Sector Development Program (FSDP) ปี 2024 ซาอุดีอาระเบียกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดย Non-Oil GDP ขยับเข้าใกล้ 60% ของเศรษฐกิจโดยรวม อาทิ
มีนักท่องเที่ยวเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 100 ล้านคนต่อปี จนต้องขยับเป้าหมายใหม่เป็น 150 ล้านคนต่อปี
รวมถึงมีการเข้าถึงบริการดิจิทัลและสัดส่วน e-Payment สูงถึง 79% การเติบโตของสินทรัพย์ภาคการธนาคารโตเกินเป้าปี 2025 ขณะเดียวกัน ทั้ง Moody’s และ S&P ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตของซาอุดีอาระเบียจากผลของการปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม และการบริหารการคลัง
“นี่จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดซาอุดีอาระเบียเปิดกว้างที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งไทยมีจุดแข็งที่สอดคล้องกันอย่างลงตัว ทั้ง อาหารฮาลาล การแพทย์ การท่องเที่ยว และฮาลาลซัพพลายเชน”
หากย้อนไปนับตั้งแต่ฟื้นสัมพันธ์ ไทย-ซาอุดีอาระเบีย ก็ขึ้นแท่นตลาดใหม่ของบรรดานักลงทุนไทย โดยปัจจุบันบิ๊กคอร์ปของไทย ไม่ว่าจะเป็น SCG, PTT ,CPF, Eka เข้าไปลงทุน
Blockchain โตแรง Investment Token ซื้อขาย 24 ชม. :
โดยธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจ เนาวรัตน์ ธรรมสวยดี ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มด้านการลงทุนและ CEO บริษัท Bitkub Ventures จำกัด ระบุว่า Digital Economy เป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงตาม Vision 2030 ที่มีการใช้ Blockchain โปร่งใส สามารถตรวจสอบข้อมูล และการให้บริการเป็นที่ปรึกษาในการระดมทุนรูปแบบใหม่ผ่าน ‘Tokenization’
โดยเฉพาะ Investment Token ซึ่งสามารถแบ่งส่วนให้เล็กได้ และซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสอดคล้องกับหลักการเงินอิสลาม เพราะสามารถใช้ทรัพย์สินจริงค้ำประกัน และผลตอบแทนสามารถจ่ายในรูปแบบของการแบ่งปันผลกำไร แทนการจ่ายดอกเบี้ย
นี่จึงเป็นตลาดใหญ่แห่งอนาคต เป็นอีกขุมทรัพย์โอกาสใหม่ที่ไม่ควรมองข้าม ในวันที่ไทยยืนท้าทาย ‘ระเบียบโลกใหม่’ บนสมรภูมิ Geopolitics
ที่มา the standard
วันที่ 8 ธันวาคม 2568

