เอกชน อยากเห็น "ดรีมทีม" ดึงคนรุ่นใหม่ ร่วมฟื้นเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการเลือกตั้ง โดยพรรคฝ่ายค้านเดิมได้คะแนนเสียงท่วมท้นเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ว่าประชาชนมีการตื่นตัวมากขึ้นและต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ถือเป็นวิวัฒนาการของการเมืองไทย ส่งผลให้พรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงสูงสุด และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลที่จะรวมกับพรรคเพื่อไทย ที่ได้รับคะแนนมาเป็นอันดับ 2 ดังนั้น ภาคเอกชนจึงต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดและที่สำคัญต้องมีเสถียรภาพ เพราะหากรัฐบาลไม่มั่นคงจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศได้
นายเกรียงไกรกล่าวว่า นอกจากนี้ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ต้องเป็นทีมที่มีประสบการณ์ พรรคก้าวไกลอาจจะยังไม่มีประสบการณ์มากนักก็ต้องดึงคนรุ่นใหม่ๆ มาร่วมคิดและทำงานเป็นทีมไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชนโดยเฉพาะภายใต้คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) และหน่วยงานรัฐต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งส.อ.ท.พร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกรัฐบาล
“ผมคิดว่าการหาเสียงแบบประชานิยม แจกเงินแบบเก่า ประชาชนมีบทเรียนว่าทำไม่ได้จริงและไม่มีแหล่งที่มาของเงิน ดังนั้น จากนี้นโยบายต่างๆ ที่หาเสียงไว้ของพรรคที่เป็นรัฐบาลจะถูกประชาชนติดตามใกล้ชิด ต้องทำได้จริงๆ และที่มาของเงินชัดเจนด้วย” นายเกรียงไกรกล่าว
นายเกรียงไกรกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้อเสนอของภาคเอกชนนั้น คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เบื้องต้นได้จัดทำข้อเสนอต่อพรรคการเมืองให้ทราบถึงความต้องการของภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ปัญหาในการดำเนินธุรกิจไปแล้วหลักๆ 6 ข้อ ได้แก่ 1.การยกระดับขีดแข่งขันประเทศ 2.การปฏิรูปกฎหมายที่ล้าสมัย 3.การส่งเริมให้ไทยเป็นฮับเทคโนโลยี 4.การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน 5.การสนับสนุนเอสเอ็มอี และ 6.การขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบใหม่ หรือบีซีจี
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 16 พฤษภาคม 2566