ตั้งรัฐบาลเร็ว-มีเสถียรภาพ ล่าช้าเกิน 2 เดือนฉุดเชื่อมั่น-เศรษฐกิจโตต่ำ
เอกชนประสานเสียง อยากเห็นจัดตั้งรัฐบาลเร็วตามกรอบเวลากฎหมายกำหนด และเร่งทำนโยบายที่หาเสียงไว้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยและต่างชาติ หากล่าช้ากว่าที่กำหนดเกิน 2 เดือน เศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสโตต่ำกว่า 3.5%
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 ว่า ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ พรรคก้าวไกลมีคะแนนเป็นอันดับ 1 ตามหลักการ มีสิทธิจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน จึงต้องรอติดตามว่า หลังจากนี้กระบวนการจับมือตั้งรัฐบาลจะออกมาในลักษณะใด หากจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงเข้มแข็ง เชื่อว่าการทำงานของฝ่ายบริหารจะสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ ไม่หยุดชะงัก
ส่วนนโยบายรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ต้องรอติดตามว่า การจัดตั้งรัฐบาลจะประกอบด้วยพรรคการเมืองใดบ้าง และจะเห็นชุดนโยบายชัดเจน แต่วันนี้หากดูจากพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อนอย่างก้าวไกล สิ่งที่จะเห็น คือ การปฏิรูปกฎหมาย และนโยบายสวัสดิการต่างๆ “สิ่งที่ภาคเอกชนอยากเห็น คือ การจัดตั้งรัฐบาลที่รวดเร็วตามกรอบระยะเวลาของกฎหมาย เพราะทุกภาคส่วนจะได้เห็นหน้าตาของรัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงชุดนโยบายต่างๆที่จะออกมาตามที่พรรคแกนนำจัดตั้ง และพรรคร่วมได้ตกลงกัน ซึ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประเทศได้เป็นอย่างมาก”
แก้ปัญหาปากท้อง-ดูแลราคาพลังงาน :
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด มีเสถียรภาพ เพราะหากรัฐบาลไม่มั่นคง จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศได้ ที่สำคัญ คะแนนเสียงต้องมีมากพอเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองง่าย ไม่อยากเห็นการประท้วงบนถนน เพราะจะกระทบการท่องเที่ยว และซ้ำเติมเศรษฐกิจในปีนี้อีก
สำหรับนโยบายเร่งด่วน คือ แก้ปัญหาปากท้อง ที่ขณะนี้หนี้ครัวเรือนไทยสูงมาก ท่ามกลางราคาพลังงาน โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่แพงมาก นอกจากนี้ อาจเห็นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ที่เป็นนโยบายหาเสียงเช่นกัน โดยพรรคก้าวไกลเสนอขึ้นทันทีเป็นวันละ 450 บาท และเพื่อไทยขึ้นเป็น 600 บาทในปี 70 เป็นการขึ้นแบบก้าวกระโดดและก้าวข้ามการพิจารณาของคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ต้องติดตามว่าจะมีมาตรการอะไรเยียวยาผลกระทบผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานจำนวนมาก และเอสเอ็มอีหรือไม่
“การหาเสียงแบบประชานิยม แจกเงินแบบเก่า ประชาชนมีบทเรียนว่าทำไม่ได้จริง และไม่มีแหล่งที่มาของเงิน ดังนั้น นโยบายต่างๆที่หาเสียงไว้ของพรรคที่เป็นรัฐบาล จะถูกประชาชนติดตามใกล้ชิด ซึ่งต้องทำได้จริงๆ และมีที่มาของเงินที่จะมาใช้ชัดเจนด้วย”
สร้างเงินคนไทย-เพิ่มสภาพคล่องธุรกิจ :
นายพิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่เห็นคนไทยออกมาใช้สิทธิกันอย่างคึกคัก อยากฝากรัฐบาลใหม่ ซึ่งขอออกตัวว่ายังไม่รู้ว่าจะเป็นใคร ให้รีบดำเนินนโยบายช่วยเหลือปากท้อง ดูแลค่าใช้จ่ายของประชาชนอย่างเร่งด่วน ให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเติบโตจากล่างขึ้นบน ซึ่งจะช่วยทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในที่สุด
นอกจากนั้น ยังอยากเห็นการแก้ปัญหาสภาพคล่องของผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ในระยะสั้น และต้องทำทันที แม้มีความพยายามช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง แต่เอสเอ็มอียังคงย่ำแย่ นิยามของคำว่า เอสเอ็มอีอาจครอบคลุมความหมายที่กว้างขวางขึ้น ไม่ใช่จำกัดแค่นิยามแบบเก่า เช่น คนตัวเล็กตัวน้อยที่ค้าขายผ่านดิจิทัล ก็อาจเป็นเอสเอ็มอีได้ คนพวกนี้ยังมีปัญหาเข้าถึงแหล่งทุน ต้นทุนกู้ยืมสูง จึงอยากเห็นรัฐบาลใหม่แก้ปัญหาเพิ่มเติม
“สุดท้ายที่อยากให้ผลักดันเป็นนโยบายระยะกลาง คือ การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี เพราะไทยมีโครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีของภูมิภาค หากได้รัฐบาลที่เข้าใจและสนับสนุนอย่างจริงจัง มีโอกาสสูงมากที่จะก้าวเท่าทันประเทศเพื่อนบ้านได้ และยังอยากเห็นรัฐบาลใหม่นำนโยบายของพรรคการเมืองคู่แข่งที่เห็นว่าดี ไปทำให้เกิดขึ้นจริง เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคน”
ตั้งรัฐบาลช้าเศรษฐกิจโตต่ำ 3.5% :
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาล ควรให้พรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 มีสิทธิจัดตั้งก่อน แต่คงต้องดูว่าก้าวไกล จะจับมือกับเพื่อไทยหรือไม่ หากการจัดตั้งรัฐบาลไม่มีปัญหานายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และเดินหน้าดำเนินการตามนโยบายต่างๆที่ได้หาเสียงไว้ แต่หากแกนนำจัดตั้งไม่ได้ อาจเห็นการสลับแกนนำมาอยู่ที่เพื่อไทย แต่คนไทยอยากเห็นการจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว และเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ
“แต่การจัดตั้งรัฐบาลจะเร็วหรือช้า ยังอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะใช้เวลารับรองผลเลือกตั้งนานแค่ไหน และการแจกใบเหลือง ใบแดงจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างของพรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 และ 2 หรือไม่ ถ้าไม่นาน และไม่เปลี่ยน ก็น่าจะใช้เวลาไม่นานในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลดีต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทย และต่างชาติ แต่ในความเป็นจริง ไม่รู้จะเป็นตามนี้หรือไม่ เพราะประสบการณ์การเมืองไทยเกิดได้หลายหน้า”
อย่างไรก็ตาม หากจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าเกินที่กฎหมายกำหนดมากกว่า 1 เดือน หรือยาวไปจนถึงเดือน ก.ย.66 การใช้งบประมาณเดิมไปพลางก่อน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็ไม่มีอะไร และยังคงสร้างความเชื่อมั่นได้อยู่ อีกทั้งยังทำให้เศรษฐกิจพร้อมเติบโตได้ 3.5-4% แต่หากล่าช้าเกิน 2 เดือน หรือจนถึงไตรมาส 4 เศรษฐกิจไทยที่ควรฟื้นตั้งแต่ไตรมาส 3 ก็จะชะลอการฟื้นตัวไปในไตรมาส 4 และปีนี้มีโอกาสโตต่ำกว่า 3.5% ได้ เพราะการใช้งบประมาณล่าช้า นักลงทุนชะลอลงทุน เพื่อดูหน้าตาของรัฐบาล และนโยบายที่ชัดเจน
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 16 พฤษภาคม 2566