"นักธุรกิจ" เรียกร้องนักการเมือง ยอมถอยคนละก้าว เพื่อให้ประเทศเดินหน้า
"หอการค้า" แนะนักการเมืองยึดผลประโยชน์ชาติ ส.อ.ท.เสนอถอยคนละก้าว เพื่อให้ประเทศเดินหน้า "ทีดีอาร์ไอ" เร่งตั้งให้ได้อย่างช้า ก.ย.นี้
การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 ปรากฎว่าพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง แต่จัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ได้ เพราะนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา โดยเฉพาะ สว.ที่งดออกเสียง ซึ่งทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเกิดความล่าช้านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ในขณะที่การเมืองมีความซับซ้อนขึ้นจากการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาคุณสมบัติของนาายพิธา รวมทั้งให้พิจารณาประเด็นที่รัฐสภามีมติไม่เห็นชอบกับการเสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีในรอบที่ 2 รวมถึงการสลับแกนนำตั้งรัฐบาลจากพรรคก้าวไกลมาเป็นพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีการเจรจากับพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลชุดที่แล้ว และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นายวันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เลื่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 3 ออกไป
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการหารือในคณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน (กกร.) ยืนยันว่าต้องการให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปตามไทม์ไลน์ภายในเดือน ส.ค.2566 โดยคาดหวังว่าการโหวดเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีความคืบหน้าและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นกรอบไทม์ไลน์ที่ภาคเอกชนเคยประเมินไว้ว่าเป็นจุดที่มีความเสี่ยงและผลกระทบทางเศรษฐกิจในระดับที่ยังพอรับได้ แต่หากล่าช้าไปมากกว่านั้นความเสียหายที่จะเกิดขึ้นก็จะยิ่งมีต้นทุนที่สูงขึ้นและยังประเมินไม่ได้ว่าจะสร้างความเสียหายแค่ไหน
“ขอให้ทุกฝ่ายถอยกันคนละครึ่งก้าวเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากทุกฝ่ายต่างเฝ้ารอและจับตาสถานการณ์การเมืองที่ยืดเยื้อมานานหลังจากวันเลือกตั้ง”
ทั้งนี้ ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยง รวมทั้งจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยแล้ง ซึ่งหากไทยยังขาดผู้นำที่เข้ามาเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ก็จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกวินค้าเกษตร รวมทั้งการบริโภคภายในประเทศ
"กกร.ได้ยื่นสมุดปกขาวให้กับภาคการเมืองไปแล้ว ซึ่งเรื่องเร่งด่วนที่อยากจะเน้นย้ำคือเรื่องโครงสร้างต้นทุน โดยเฉพาะค่าไฟที่ทำให้ผู้ประกอบการแข่งขันลำบาก รวมทั้งค่าครองชีพประชาชนสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องหนี้ครัวเรือนที่ตอนนี้สูงกว่า 90% ของจีดีพี ซึ่งยังไม่รวมหนี้นอกระบบต่างหากอีก 20% ซึ่งกดทับกำลังซื้อของคนในประเทศ ทั้งหมดนี้ต้องเร่งแก้" นายเกรียงไกร กล่าว
นอกจากนี้ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลยังมีผลกระทบถึงการลงทุนภาครัฐ เพราะรัฐบาลชุดปัจจุบันรักษาการมาตั้งแต่เดือน ก.พ.2566 ซึ่งในช่วงรักษาการจะอนุมัติโครงการไม่ได้จึงทำให้ทุกกระทรวงต้องชะลอโครงการใหม่ เพื่อรอรัฐบาลใหม่มาอนุมัติ
รวมแล้วทำให้อาจต้องให้รัฐบาลชุดปัจจุบันรักษาการนาน 5-6 เดือน และเมื่อการลงทุนภาครัฐชะลอจะทำให้การลงทุนเอกชนชะลอด้วย
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 8 สิงหาคม 2566