จีนสร้าง "เซอร์ไพรส์" ตลาด "ทุ่มพิเศษ" 1 ล้านล้านหยวนปั๊มเศรษฐกิจ
จีนได้สร้างความประหลาดใจอยู่ไม่น้อยให้กับตลาดและนักวิเคราะห์ เมื่อมีการประกาศจะออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมอีก 1 ล้านล้านหยวน (1.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาส 4 ปีนี้ เพื่อบูรณะซ่อมแซมพื้นที่ซึ่งได้รับหายนะจากภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การออกพันธบัตรดังกล่าวจะทำให้การขาดดุลงบประมาณปี 2023 ขยับขึ้นจาก 3 % เป็น 3.8 % ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นนักที่จีนจะยอมให้มีการเพิ่มการขาดดุล
เงินที่ได้จากการออกพันธบัตร จะถูกโอนไปให้รัฐบาลท้องถิ่นเพื่อช่วยลดภาระด้านการคลังของรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งที่ปรึกษานโยบายบางคนในรัฐบาลจีน ระบุว่ารัฐบาลกลางยังมีพื้นที่เหลือในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะสัดส่วนของหนี้ต่อจีดีพียังต่ำเพียงแค่ 21 % ต่ำกว่าระดับหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นซึ่งอยู่ที่ 76 % ทั้งนี้เงินครึ่งหนึ่งจะถูกใช้ในปีนี้ อีกครึ่งหนึ่งใช้ต้นปี 2024
จู จงหมิง รัฐมนตรีช่วยคลังของจีน กล่าวว่า การออกพันธบัตรจะช่วยเพิ่มความต้องการในประเทศและเพิ่มความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องความเป็นห่วงของระดับหนี้ของรัฐบาลนั้นนายจูยืนยันว่ายังอยู่ในระดับที่สมเหตุผล
ตามข้อมูลของกระทรวงการคลังจีน เผยว่า 3 ไตรมาสแรกของปี 2023 ได้ออกพันธบัตรรัฐบาลไปแล้วมากกว่า 7.5 ล้านล้านหยวน ถือว่าเป็นเงินค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2020 ซึ่งมีการออกพันธบัตรพิเศษ 1 ล้านล้านหยวนเพื่อรับมือวิกฤตที่เกิดจากโควิด-19 ขณะที่ปี 2022 การออกพันธบัตรลดลงเหลือเพียง 7.5 แสนล้านหยวน
เศรษฐกิจจีนไตรมาส 3 เติบโต 4.9 % สูงกว่าคาด โดยได้แรงผลักดันจากหลายด้าน รวมทั้งภาคการบริโภคและอุตสาหกรรม ทำให้เพิ่มความเป็นไปได้ที่จะรัฐบาลจีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายจีดีพีที่ประมาณ 5% ในปี 2023 นี้ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่าวิกฤตอสังหาริมทรัพย์จะยังคงเป็นตัวถ่วงเศรษฐกิจและทำให้แนวโน้มของการเติบโตไม่สดใส
ที่ปรึกษานโยบายในคณะรัฐมนตรีจีนรายหนึ่งบอกกับรอยเตอร์ว่า แม้ปีนี้เศรษฐกิจน่าจะเติบโตได้ 5 % แต่ยังมีความกังวลลึก ๆ เกี่ยวกับภาคเอกชนที่น่าเป็นห่วงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งขาดการปฏิรูประยะยาวที่จะช่วยเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไปสู่การใช้บริโภคนำแทนการส่งออก ดังนั้นจุดมุ่งเน้นในตอนนี้ยังคงเป็นการรักษาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะทางเศรษฐกิจ
“เราจำเป็นต้องเตรียมตัวอย่างดีสำหรับปีหน้า และลงมือปฏิบัตินโยบายเพื่อให้การเติบโตมีเสถียรภาพ ตอนนี้รากฐานการฟื้นตัวไม่ค่อยแข็งแกร่ง”
จาง จื่อเว่ย ผู้บริหารพินพอยต์ แอสเส็ท แมเนจเมนต์ ชี้ว่า การออกพันธบัตรดังกล่าวถือว่า “ไม่ปกติอย่างมาก” และทำให้ตลาดประหลาดใจ ถือว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของนโยบายที่มาถูกทิศทาง นั่นคือจีนควรดำเนินนโยบายการคลังที่สนับสนุนเศรษฐกิจมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับแรงกดดันของภาวะเงินฝืด
ฝ่ายวิจัยของโซซิเอเต เจเนอราล ระบุว่า พันธบัตรพิเศษดังกล่าวของจีนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้จะไม่ทรงพลังระดับปืนบาซูก้า แต่นับว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่มีความสำคัญมากที่สุด รัฐบาลกลางจีนยอมรับว่าเศรษฐกิจที่เพิ่งฟื้นตัวมีความจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือครั้งใหญ่ ลำพังรัฐบาลท้องถิ่นคงไม่สามารถรับหน้าที่นี้ได้เพราะเกินกำลัง
บรรดาผู้สังเกตการณ์ ชี้ว่า เศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวอย่างอ่อนแอหลังโควิด-19 ทำให้ความใฝ่ฝันของจีนที่จะปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจโดยให้การบริโภคเป็นตัวนำ ต้องถูกจำกัด เพราะต้องหันมาเน้นความเร่งด่วนเฉพาะหน้าในการประคับประคองการฟื้นตัวหลังโควิด-19 ให้มีความต่อเนื่อง ทำให้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเกิดการถกเถียงร้อนแรงในกลุ่มที่ปรึกษานโยบายของรัฐบาล โดยส่วนหนึ่งสนับสนุนการปฏิรูปอย่างเร่งด่วนเพื่อสร้างเครื่องยนต์ใหม่ ๆ ให้กับเศรษฐกิจที่มากกว่าอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม ความจำเป็นระยะสั้นในการชุบชีวิตเศรษฐกิจดูเหมือนจะมีความสำคัญกว่าการปฏิรูป ทำให้รัฐบาลเลือกที่จะมุ่งเน้นมาตรการการเงินและการคลังเป็นหลักเพื่ออัดฉีดเศรษฐกิจแทน
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 25 ตุลาคม 2566