ผู้แสดงสินค้าจีนโตสวนทางนักท่องเที่ยว "อินฟอร์มา" เชื่อไทยได้เปรียบคู่แข่ง
"อินฟอร์มา" เผยปีนี้เอ็กซิบิเตอร์จากจีนโตสวนทางนักท่องเที่ยว เชื่อปี 2567 โตต่อเนื่อง มั่นใจประเทศไทยจุดหมายปลายทางสำคัญของงานแสดงสินค้า ชี้ต้นทุนคุ้มค่า แหล่งท่องเที่ยวน่าเยือน วอนรัฐทลายข้อจำกัดจัดแสดงสินค้าจากต่างประเทศ
นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ (ประเทศไทย) บริษัทจัดงานแสดงสินค้า (exhibition) เปิดเผยว่า แม้ว่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยจะมีจำนวนน้อยอยู่ แต่ในทางกลับกันผู้แสดงสินค้า (เอ็กซิบิเตอร์) จากจีน มีปริมาณสูงขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลส่งเสริมให้ธุรกิจจีนออกหาตลาดต่างประเทศ จนบางครั้งเราต้องจำกัดพื้นที่ผู้ประกอบการจากจีนในบางประเภทงาน
โดยในปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ (ประเทศไทย) มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 880 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2566 บริษัทได้กำหนดเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 900 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดบริษัทคาดว่าในปีนี้จะมีรายได้ตลอดทั้งปีที่ 1,300 ล้านบาท
“โดยรายได้ในปีนี้เติบโตมากขึ้น เกิดจากการจัดงานแสดงสินค้าที่เพิ่มขึ้นจำนวน 7 งาน จากเดิมที่มีอยู่ 6 งาน รวมเป็น 13 งาน และมีจำนวนผู้เข้าชมงานเพิ่มขึ้นราว 20% เมื่อเทียบกับปี 2565 ประกอบกับการร่วมมือกับพันธมิตรที่มากขึ้น และทางการจีนต้องการผลักดันให้บริษัทของจีนขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ทำให้มีผู้ประกอบการจากประเทศจีนเข้ามาจัดงานแสดงสินค้ามากขึ้น”
นอกจากนี้ ประเมินว่าประเทศไทยยังเป็นจุดหมายที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ เนื่องจากต้นทุนที่ยังต่ำกว่าหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ทั้งค่าที่พัก ค่าเดินทาง ฯลฯ
นายสรรชายกล่าวว่า จากการพูดคุยกับตัวแทนต่าง ๆ ทำให้ประเมินว่าในปี 2567 จำนวนนักธุรกิจจีนที่เดินทางเข้ามาเป็นผู้แสดงสินค้าหรือผู้ซื้อน่าจะมีจำนวนมากขึ้นจากปี 2566 เนื่องจากภาครัฐของจีนน่าจะยังสนับสนุนให้ธุรกิจในจีนขยายธุรกิจในต่างประเทศต่อเนื่องไป
และอีกหนึ่งปัจจัยบวกสำหรับปี 2567 คือ ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายที่สำคัญของการจัดงานแสดงสินค้า จากการที่เป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าระดับภูมิภาค ทำให้มีผู้เข้าร่วมงานจากนานาชาติมีความหลากหลาย ประกอบกับปัจจัยด้านต้นทุนที่กล่าวไปข้างต้น และไทยเองมีสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งสามารถทำให้ผู้เข้าร่วมงานออกเดินทางท่องเที่ยวหลังจากจบงานได้
อย่างไรก็ดี ประเมินว่าภาพรวมการจัดงานแสดงสินค้าในปี 2567 จะอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีปัจจัยที่น่าเป็นกังวลคือ ผู้ซื้อและผู้แสดงสินค้าจากทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกายังชะลอตัว ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมักเดินทางมาในงานประเภทไลฟ์สไตล์ ทำให้บริษัทต้องเร่งการนำเสนอเนื้อหาของงานให้น่าสนใจ และดึงดูดผู้เข้าร่วมงาน อีกทั้งเชื่อมโยงตลาดอาเซียนเข้าหากัน
“คาดว่าปี 2567 บริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ 1,180 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปี 2566 เนื่องจากงานแสดงสินค้าบางงานมีการจัดสองปีหนึ่งครั้ง โดยในปี 2568 บริษัทตั้งเป้ามีรายได้อยู่ที่ 1,450 ล้านบาท”
นายสรรชายยังกล่าวถึงกลยุทธ์ในการเติบโตของอินฟอร์มาด้วยว่า บริษัทใช้การโคลนนิ่งงานจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้มีฐานลูกค้าอยู่ประมาณหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการใช้โมเดลกิจการร่วมค้า หรือ joint venture ร่วมกับบริษัทอินฟอร์มาในต่างประเทศ เพื่อจัดงานแสดงสินค้าใหม่ ๆ เช่น Jewellery & Gem ASEAN Bangkok ในวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2567 รวมถึงใช้โมเดลร่วมมือเป็นพันธมิตรกับคู่แข่งทางธุรกิจในอดีต
“ถ้าเราจะเพิ่ม margin เราอาจเลือกโฟกัสงานที่ลงแรงเท่าเดิม แล้วได้กำไรสูง มากกว่าการจะเหนื่อยหลายรอบ และการเพิ่ม margin ทำได้ด้วยการควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ”
นายสรรชายกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า อยากเสนอให้ภาครัฐพิจารณาเรื่องการลดข้อจำกัด หรือปรับแก้กฎหมายที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการนำสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศไทย ซึ่งผู้ประกอบการต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ให้ความสำคัญ และต้องการเงื่อนไขความชัดเจน
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 2 ธันวาคม 2566