โฟกัสโลกรอบสัปดาห์: กลุ่มกบฏฮูตี ป่วนทะเลแดง สะเทือนการค้าโลก
โฟกัสโลกรอบสัปดาห์: กลุ่มกบฏฮูตี ป่วนทะเลแดง สะเทือนการค้าโลก
ห่วงโซ่อุปทานเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้โลกดำเนินต่อไปทุกวัน สินค้าทุกชิ้นที่เราเลือกซื้อต่างเป็นผลมาจากห่วงโซ่อุปทานทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกคนคงตระหนักดีถึงความโกลาหลที่จะเกิดขึ้นหากห่วงโซ่อุปทานของโลกถูกรบกวนโดยไม่มีท่าทีว่าจะคลี่คลาย ข่าวร้ายนั่นคือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นบนโลกในอนาคตอันใกล้ หลังจากที่กลุ่มกบฏฮูตีในประเทศเยเมนทำการโจมตีใส่เรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บีบให้บรรดาบริษัทขนส่งสินค้ายักษ์ใหญ่ของโลกต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือ ความสนใจของทุกคนในเวลานี้จึงพุ่งเป้าไปที่สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดขึ้นอย่างไรและผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของโลกจะเป็นอย่างไร
กลุ่มกบฏฮูตี ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากประเทศอิหร่าน ได้เริ่มเปิดฉากใช้โดรนและจรวดโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อเป็นการแสดงความสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธฮามาสที่กำลังโดนกองทัพอิสราเอลโจมตีใส่อย่างหนักในฉนวนกาซาที่คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ไปแล้วทะลุ 20,000 คน ซึ่งแม้ฮูตีจะอ้างว่าพวกเขาโจมตีเฉพาะเรือที่มีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอล แต่เป้าหมายในการโจมตีกลับรวมถึงเรือที่ไม่ได้มุ่งหน้าไปอิสราเอลหรือมีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอล สร้างความปั่นป่วนในเส้นทางการเดินเรือที่ต้องผ่านคลองสุเอซในประเทศอียิปต์ ที่เชื่อมระหว่างทะเลแดงและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นเส้นทางการเดินเรือที่เชื่อมระหว่างทวีปเอเชียและยุโรปที่เร็วที่สุด และมีความสำคัญต่อการส่งสินค้า น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ของโลก
การโจมตีของกลุ่มฮูตีในทะเลแดงทำให้บริษัทขนส่งเจ้าใหญ่ของโลกหลายแห่งต้องเลี่ยงการเดินทางในทะเลแดง ที่มีปริมาณเรือแล่นผ่านมากถึงราว 35,000 ลำต่อปี และสินค้าที่ใช้เส้นทางดังกล่าวมีมูลค่าคิดเป็นราว 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของโลก และเปลี่ยนเส้นทางไปอ้อมแหลมกู๊ดโฮปที่ประเทศแอฟริกาใต้แทน
ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าเส้นทางการเดินเรือที่ต้องอ้อมแหลมกู๊ดโฮปจะเพิ่มระยะทางการเดินเรือขึ้นจากเดิม 3,500 ไมล์ทะเล และจะเพิ่มระยะเวลาการเดินทางจากเอเชียไปยังตอนเหนือของยุโรปและภูมิภาคทางตะวันออกของเมดิเตอร์เรเนียนอย่างน้อย 10 วัน ฉะนั้นแล้ว การเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือที่ไกลขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่อุปทานของโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น สินค้าต่างๆ จะใช้เวลานานขึ้นกว่าที่จะถูกส่งถึงมือลูกค้า โปรเจค44 บริษัทวิจัยด้านห่วงโซ่อุปทาน ให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่าถึงแม้ปัญหาเรื่องการเดินเรือที่เกิดขึ้นในทะเลแดงจะไม่กระทบช่วงจับจ่ายซื้อของขวัญช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงนี้ เพราะสินค้าเกือบทั้งหมดที่เตรียมขึ้นชั้นวางจำหน่ายในช่วงเทศกาลได้มาถึงแล้ว แต่ก็มีโอกาสที่ร้านค้าต่างๆ จะเจอกับปัญหาสินค้าขาดแคลนภายในเดือนกุมภาพันธ์ของปีหน้า ซึ่งจะตรงกับช่วงเทศกาลตรุจจีนที่มีการจับจ่ายซื้อของที่สูง หากปัญหาการเดินเรือยังไม่ยุติลง
นอกจากนั้นแล้ว เมื่อเรือต้องแล่นเป็นระยะทางไกลขึ้นก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าพุ่งสูงขึ้นตามมา จากการประมาณการณ์ของ Xeneta แพลตฟอร์มด้านการขนส่ง เส้นทางการเดินเรือที่ไกลขึ้นจะทำให้ค่าเชื้อเพลิงในการเดินทางไป-กลับระหว่างทวีปเอเชียและยุโรปตอนเหนือแต่ละเที่ยวเพิ่มขึ้น 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.8 ล้านบาท รวมถึงค่าประกันภัยทางทะเลที่บริษัทประกันภัยพากันปรับเบี้ยประกันสูงขึ้นสำหรับเรือสินค้าที่ยังคงเดินทางโดยใช้ทะเลแดง ด้วยเหตุนั้น ทำให้ยาน ฮอฟแมน หัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์การค้าของที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา กล่าวว่าตอนนี้อัตราการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ได้พุ่งแตะระดับสูงที่สุดของปี โดยเมื่อนับจากวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายในการส่งตู้คอนเทนเนอร์ 1 ตู้จากจีนไปยังภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนอยู่ที่ 2,413 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 84,165 บาท เพิ่มขึ้น 44% ในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นหลังแตะจุดต่ำสุดในช่วงต้นปี ซึ่งอยู่ที่ 1,371 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 47,817 บาท
ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตรวมถึงร้านค้าต่างๆ อาจผลักภาระค่าใช้จ่ายมาให้ลูกค้า โดยอาจมีการขึ้นราคาสินค้าที่มีแนวโน้มทำให้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อเลวร้ายลงไปอีกท่ามกลางวิกฤตค่าครองชีพที่ลากยาวอยู่ในเวลานี้ ถึงกระนั้นก็ตาม อัตราค่าใช้จ่ายในการขนส่งในเวลานี้ก็ยังถือว่าน้อยกว่าปีที่แล้วและปี 2021 อยู่มาก
ผลกระทบจากปัญหาเส้นทางเดินเรือในทะเลแดงยังอาจทำให้ราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ผู้เล่นในตลาดการผลิตน้ำมันดิบของโลกให้ความเห็นว่าผลกระทบจะรุนแรงเพียงใดขึ้นอยู่กับว่าปัญหาการเดินเรือในทะเลแดงจะดำเนินต่อไปเป็นระยะเวลาเท่าใด ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าความเปลี่ยนแปลงในตลาดน้ำมันจะยังคงไม่เปลี่ยนไปจากที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เว้นแต่ว่าสถานการณ์จะลากยาวนานหลายสัปดาห์ ขณะที่ตลาดซื้อขายก๊าซแอลเอ็นจีอาจไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาในทะเลแดงมากนัก
ในเมื่อไม่มีใครสามารถตอบได้ว่ากลุ่มกบฏฮูตีจะทำการโจมตีใส่เรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงไปจนถึงเมื่อใด บริษัทขนส่งสินค้าจึงเริ่มมองหาเส้นทางอื่นๆ เพื่อลดผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าของตัวเอง
ยาน ไคลเนอ-ลาสธูส์ ซีอีโอของ Hellmann worldwide Logistics บริษัทส่งสินค้าสัญชาติเยอรมัน กล่าวว่าบางบริษัทได้เริ่มพยายามที่จะเปลี่ยนไปใช้การขนส่งหลายรูปแบบ (intermodal transport) โดยบริษัทของเขาเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการส่งสินค้าในรูปแบบที่รวมเอาทางอากาศและทะเลมารวมกันในผลิตภัณฑ์ประเภทเสื้อผ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ หมายความว่าสินค้าต่างๆ จะถูกนำขึ้นเรือเพื่อไปจอดเทียบท่าที่ท่าเรือของนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก่อนที่จะถูกนำขึ้นเครื่องบินเพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังประเทศปลายทาง แม้การขนส่งด้วยวิธีนี้จะช่วยให้บริษัทต่างๆ เลี่ยงความเสี่ยงในการส่งสินค้าในทะเลแดงและไม่ต้องแล่นเรืออ้อมแหลมกู๊ดโฮป แต่การส่งสินค้าทางอากาศมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าทางน้ำ 5-15 เท่า ทำให้นี่เป็นเพียงแนวทางแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้น
ด้านสหรัฐอเมริกาก็ได้ประกาศตั้งแนวร่วมภายใต้ “โครงการริเริ่มด้านความมั่นคงข้ามชาติ” โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐได้เผยเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ว่ากว่า 20 ประเทศได้ตกลงที่จะร่วมโครงการดังกล่าวเพื่อคอยปราบปรามการโจมตีเรือขนส่งสินค้าและเรือบรรทุกน้ำมันในทะเลแดงของกลุ่มฮูตี แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมด้านแฟชั่นของสเปนให้ข้อมูลว่าบริษัทขนส่งสินค้าต่างบอกกับลูกค้าของตัวเองว่าพวกเขาเดิมพันกับแนวร่วมนี้มากว่าจะสามารถป้องกันการโจมตีและทำให้เส้นทางเดินเรือผ่านทะเลแดงกลับมาปลอดภัยอีกครั้งได้หรือไม่และเมื่อใด
แม้จะมีการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นในทะเลแดง แต่บรรดาเรือขนส่งสินค้าก็ยังไม่กล้ากลับมาใช้เส้นทางเดินเรือดังกล่าวในทันที หมายความว่าปัญหาการขนส่งสินค้าอาจดำเนินต่อไปอีกสักระยะ เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะคลี่คลายลงเมื่อใด เพราะยิ่งปัญหาลากยาวต่อไปเรื่อยๆ ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของโลกก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นตามมา
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 25 ธันวาคม 2566