เศรษฐกิจไทยปี 2566 หนักกว่าที่คิด วิกฤติกว่าคาด
ใครๆ ก็เชื่อว่าปี 2566 จะเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่ตัวเลขจริงกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด โดยพบว่า อัตราการเติบโตเฉลี่ยของเศรษฐกิจไทย ยังคงต่ำกว่า 2% ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าและเปราะบาง
อีกไม่กี่วันเราจะก้าวข้ามผ่านปี 2566 กันแล้ว ปีนี้นับเป็นอีกหนึ่งปีที่หนักยิ่งสำหรับ "เศรษฐกิจไทย" ซึ่งเดิมใครๆ ก็เชื่อว่าปี 2566 จะเป็นปีที่ดี เพราะเรากำลังฟื้นตัวจากพิษโควิดและการกลับมาเปิดประเทศได้แบบเต็มปี จำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับเข้ามาจะเป็นเหมือนสปริงบอร์ดให้เศรษฐกิจไทยเติบโตแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ตัวเลขจริงที่ออกมาชัดเจนว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดกันไว้เลย ทั้งที่เศรษฐกิจโลกขยายตัวได้ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจไทย?
ย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2565 ตอนนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะขยายตัวได้ราว 3.7% จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง การจ้างงานและรายได้แรงงานจะปรับตัวดีขึ้น กระจายตัวมากขึ้น ซึ่งทำให้เงินเฟ้อทั่วไปมีโอกาสขยายตัวได้ถึง 3% เป็นระดับกรอบบนของเป้าหมายเงินเฟ้อ ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ในปี 2566 ธปท.ขยับดอกเบี้ยขึ้นมาต่อเนื่องรวมกัน 5 ครั้ง ราว 1.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.50% ในปัจจุบัน
แต่ตัวเลขเศรษฐกิจจริงที่ออกมา กลับไม่ได้เป็นอย่างที่ประเมินไว้ โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ยของเศรษฐกิจไทยช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ยังคงต่ำกว่า 2% ซึ่งก็ทำให้ ธปท. ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมาเหลือเพียง 2.4% เป็นระดับที่ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมถึง 1.3% ที่สำคัญตัวเลขประมาณการใหม่ที่ 2.4% ก็ดูจะมีความท้าทายที่สูงมาก ขณะที่เงินเฟ้อเริ่มติดลบฉุดให้ทั้งปีเงินเฟ้อไทยอาจขยายตัวเพียง 1.3% สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยอ่อนแอกว่าที่คิดไว้มาก
ที่น่าห่วงสุดๆ คือ ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าและเปราะบาง แต่ดูเหมือนต้นทุนการดำเนินธุรกิจพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะประเด็นเรื่องดอกเบี้ยที่นักเศรษฐศาสตร์เริ่มกังวลว่า เศรษฐกิจไทยอาจไม่ได้ดีพอกับระดับดอกเบี้ยในปัจจุบัน ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า ธปท. ต้องการดึงดอกเบี้ยให้สูงไว้ก่อนเพื่อมีพื้นที่นโยบายหรือกระสุนรองรับเวลาที่เศรษฐกิจเกิดปัญหา หรือชะลอตัวแรงจะได้มีเครื่องไม้เครื่องมือในการดูแล
เพียงแต่เวลานี้สำนักวิจัยหลายแห่งแอบกังวลว่า ดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยจะเป็นตัวที่สร้างความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจไทยขึ้นมาซะเองหรือไม่ และประเด็นที่น่าห่วงอย่างมากในปี 2567 ก็คือ การรีไฟแนนซ์หนี้ของภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นเงินกู้แบงก์หรือหุ้นกู้ จะสามารถ Roll over หนี้ออกไปได้หรือไม่ เพราะต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้นกว่าเดิมมาก
ถ้าไล่อ่านบทวิเคราะห์ของสำนักวิจัยต่างๆ ยังเชื่อว่า ธปท. จะคงดอกเบี้ยนโยบายในระดับ 2.5% ตลอดปี 2567 ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ทำให้สำนักวิจัยเหล่านี้ต้องติดตามความเสี่ยงในระบบการเงินที่อาจเกิดจากภาวะดอกเบี้ยสูงนาน ดังนั้นเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ว่าหนักแล้ว ปีหน้าอาจวิกฤติกว่าคาด เราคงต้องเตรียมตั้งสติรับมือกันให้ดี!
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 27 ธันวาคม 2566