ส่องแผนฟื้นเศรษฐกิจจีน 2024 ภารกิจอันท้าทายนี้จะสำเร็จหรือไม่ ?
ปี 2023 ผ่านพ้นไปโดยไม่มีปาฏิหาริย์สำหรับเศรษฐกิจจีน
จีนเริ่มต้นปี 2023 ด้วยการ "เปิดประเทศ" ซึ่งนับเป็นข่าวดีของเศรษฐกิจโลก แต่เพียงไม่กี่เดือนก็เริ่มเซ-การฟื้นตัวหลังเปิดประเทศไม่เป็นไปตามความคาดหมาย หลังจากนั้นจีนก็มีปัจจัยลบประเดประดังตลอดปี
ต้องจับตามองและลุ้นกันต่อในปี 2024 ว่า เศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกและเกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจทั่วโลกจะสามารถฟื้นกลับสู่ภาวะปกติได้หรือไม่
ผู้กำหนดนโยบายของจีนมีสองทางเลือกที่ยากต่อการตัดสินใจ คือ รัฐบาลต้องยอมรับภาระหนี้ให้มากขึ้นเพื่อที่จะใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น หรืออีกทางคือไม่ก่อหนี้เพิ่มแต่ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงที่เศรษฐกิจจีนจะเติบโตน้อยลง ซึ่ง ณ ตอนนี้รัฐบาลจีนเลือกทางแรก
ในการประชุมงานด้านเศรษฐกิจส่วนกลางประจำปี (Central Economic Work Conference 2023) ในเดือนสุดท้ายของปี 2023 มีเมสเสจที่ชัดเจนว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับจีน และมีการเน้นย้ำถึงมาตรการเชิงนโยบายเพื่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
จีนกำหนดแผนสำคัญหลายประการไว้ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจปี 2024 ประกอบด้วย การใช้นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อความก้าวหน้าของการสร้างระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่, การกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) และตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การปฏิรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบการคลังและภาษี, การเปิดกว้างระดับสูง เพื่อส่งเสริมการค้าและดึงดูดการลงทุน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในภาคการดูแลสุขภาพ การบริการ และโทรคมนาคม และที่สำคัญอันดับแรก คือ การรักษาเสถียรภาพของภาคการเงิน โดยเน้นไปที่การรักษาเสถียรภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน
นอกจากนี้ แผนเศรษฐกิจปี 2024 ของจีนยังครอบคลุมเป้าหมายที่กว้างขึ้น เช่น การส่งเสริมการเกษตรและงานในชนบท, การพัฒนาซึ่งสอดประสานกันในระดับภูมิภาค, การพัฒนาโดยปล่อยคาร์บอนต่ำ และการรับประกันและปรับปรุงคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ในส่วนของการใช้มาตรการการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ผู้กำหนดนโยบายของจีนกำลังดำเนินการตามแผนการออกพันธบัตรพิเศษเพิ่มเติมมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 4.97 ล้านล้านบาท) เพื่อกระตุ้นการลงทุนและอุปสงค์ และให้คำมั่นว่าจะยกระดับนโยบายการคลังในปี 2024
คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ประกาศเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมว่า ได้ระบุรายชื่อโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากการออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมชุดที่ 2 แล้ว ซึ่งมีมากกว่า 9,600 โครงการที่จะได้รับเงินรวม 560,000 ล้านหยวน (ประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท)
ถึงแม้รัฐบาลจีนจะแสดงความพยายามฟื้นเศรษฐกิจ แต่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าในปี 2024 และหลังจากนั้น เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงท่ามกลางปัญหาเชิงโครงสร้าง อย่างเช่น ระดับหนี้ที่สูงเป็นประวัติการณ์ และอัตราการเกิดที่ต่ำ ซึ่งจะส่งผลทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
นักวิเคราะห์เศรษฐกิจส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า เศรษฐกิจจีนจำเป็นต้องได้รับการปฏิรูปครั้งใหญ่เพื่อชดเชยความสูญเสียจากการชะลอตัว
คาร์สเทน โฮลซ์ (Carsten Holz) นักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจจีนของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง แสดงความเห็นว่า ในอนาคต จีนควรจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น และควรสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ชาวต่างชาติเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและเพื่อเพิ่มการส่งออก
สถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สัน (Peterson Institute for International Economics : PIIE) วิเคราะห์ว่า จีนต้องเผชิญความไม่แน่นอน 5 ประการเกี่ยวกับประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและการตอบสนองเชิงนโยบายของรัฐบาล ได้แก่ จีนสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเงินฝืดได้หรือไม่, รัฐบาลจะสามารถจัดการกับวงจรภาวะเงินฝืดโดยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น (ซึ่งส่งผลให้หนี้สูงขึ้น) ได้หรือไม่, ความเชื่อมั่นภาคเอกชนจะฟื้นหรือไม่, รัฐบาลจะสามารถยับยั้งการถดถอยของภาคอสังหาริมทรัพย์ได้หรือไม่ และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จะฟื้นตัวหรือไม่
ซึ่งความไม่แน่นอน 5 ประการนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวและเติบโตอย่างยั่งยืนได้หรือไม่ในปี 2024
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 28 ธันวาคม 2566