สภาหอการค้าไทยจับมือหอการค้ากัมพูชา ตั้งเป้ามูลค่าการค้าระหว่างกัน 2 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ ภายในปี 2028
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับหอการค้ากัมพูชา (Cambodia Chamber of Commerce) จัดงานสัมมนา "Cambodia-Thailand Business Forum 2024" ณ โรงแรม
แกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ เนื่องในโอกาสการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ
โดยมี ซุน จันทอล และ สก จินดาโซเฟีย รองนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา, ท่านวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท่านฮุน ซาเรือน เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย, สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, เนี้ย อกญา กิต เม้ง ประธานหอการค้ากัมพูชา และพลเอกวิชิต ยาทิพย์ นายกสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา พร้อมผู้แทนภาคเอกชนไทยและภาคเอกชนกัมพูชาเข้าร่วมกว่า 300 คน
สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา กล่าวตอนหนึ่งในปาฐกถาพิเศษให้กับภาคเอกชนไทยและกัมพูชาว่า การสร้างความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญมาก กัมพูชามุ่งเน้นที่จะสานต่อความร่วมมือกับไทยในประเด็นด้านการท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิด “Two Kingdoms One Destination” รวมถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
ซึ่งกัมพูชาได้มีการพัฒนา ‘KHQR’ ระบบการชำระเงินภายในประเทศกัมพูชา เพื่อเชื่อมโยงการชำระเงินข้ามพรมแดนภายในกลุ่มอาเซียน ขณะเดียวกันยังได้เน้นย้ำถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงทางการค้า รวมถึง การอำนวยความสะดวกบริเวณด่านชายแดน โดยได้เชิญชวนนักลงทุนไทยให้เข้าไปลงทุนในกัมพูชา ซึ่งกัมพูชามีจุดแข็ง 5 ด้านคือ 1) การเมืองและเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ 2) เศรษฐกิจที่เปิดกว้างจากการที่กัมพูชามีความตกลงกับนานาประเทศทั้งทวิภาคีและพหุภาคี 3) มีแรงงานที่มีความรู้ด้านอาชีวะศึกษาและเทคนิค 4) การโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถอำนวยความสะดวกในการลงทุน 5) รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการลดกระบวนการที่ซ้ำซ้อนทางกฎและระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจไทย
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เอกชนไทยมองเห็นศักยภาพในการเข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะนโยบายที่เปิดกว้างของรัฐบาลกัมพูชา รวมถึงการสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้ากัมพูชา ณ ทำเนียบรัฐบาล ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
โดยมุ่งเน้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเศรษฐกิจ สนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมนักธุรกิจไทยและกัมพูชาร่วมกัน ตลอดจนเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและกัมพูชาในสาขาธุรกิจที่มีศักยภาพ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ความร่วมมือทางการเกษตร เศรษฐกิจดิจิทัล การท่องเที่ยว และความร่วมมือทางการแพทย์ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยและกัมพูชาให้มีมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เกิน 20,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ภายในปี 2028
เนี้ยะ อกญา กิต เม้ง ประธานหอการค้ากัมพูชา กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงาน Cambodia-Thailand Business Forum ในวันนี้ถือเป็นการสร้างความร่วมมือครั้งสำคัญของภาคเอกชนระหว่างสองประเทศ โดยไทยถือเป็นนักลงทุนที่สำคัญของกัมพูชาในหลากหลายธุรกิจ ทั้งภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง และยาง ส่วนภาคการท่องเที่ยวมีการเข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และบริการทัวร์ ด้านธุรกิจค้าปลีกไทยยังมีส่วนเข้าไปลงทุนและขยายสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากัมพูชามีเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องเฉลี่ย 7% ประกอบกับมีแรงงานและค่าแรงในอัตราที่เหมาะสม กัมพูชาจึงเป็นทางเลือกสำคัญที่มุ่งหวังให้ภาคธุรกิจไทยเข้าไปขยายการลงทุนให้เพิ่มขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการเสวนาธุรกิจ ในหัวข้อ “Strengthen Trade and Investment Cooperation between Thailand and Cambodia” ดำเนินการเสวนาโดย คุณวรทัศน์ ตันติมงคลสุขประธานสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา และผู้ร่วมเสวนาจากผู้แทน บริษัท SCG , EXIM BANK และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของกัมพูชา
ที่มา หอการค้าไทย
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567