รถจีนมาแรง… แซงหมดไม่สนชาติไหน
ตอนนี้กระแสรถจีนกำลังมาแรงมาก อย่างในประเทศไทยเองก็เริ่มได้ยินแบรนด์รถยนต์จีนใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นหู แต่ดึงดูดด้วยรูปลักษณ์ทันสมัย และเต็มไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเห็นได้ว่าผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนกำลังรุกผู้ผลิตรถยนต์อื่น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เว้นรถยนต์สัญชาติอเมริกัน แม้ว่าจีนจะไม่ได้เข้าไปขายรถยนต์ในสหรัฐโดยตรงก็ตาม
ยอดขายรถยนต์แบรนด์จีนพุ่งขึ้นเป็นที่น่าจับตามองในแถบเอเชียยุโรป และประเทศอื่น ๆ นอกทวีป ล่าสุดจีนได้เปิดเผยรายงานตัวเลขการส่งออกว่ามีการส่งออกรถยนต์ถึง 5 ล้านคัน ในปี 2023 แซงหน้าญี่ปุ่นจนกลายเป็นประเทศส่งออกรถยนต์อันดับต้น ๆ ของโลก
ปริมาณการขายรถยนต์ของบริษัทที่มีชื่อเสียงและรัฐบาลเป็นเจ้าของ เช่น SAIC และ Dongfeng และผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง BYD, Nio และแบรนด์อื่น ๆ ได้ผลักจีนจากอันดับที่ 6 ขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่การส่งออกรถยนต์ของสหรัฐในบริษัทต่าง ๆ ลดลง เช่น บริษัท General Motors ที่ลดการผลิตในต่างประเทศพอดี
จากข้อมูลล่าสุดที่พบว่าการส่งออกรถยนต์ของสหรัฐลดลงไป 25% จากจุดสูงสุดในปี 2016 :
นั่นจึงทำให้เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา สหรัฐประเทศผู้ส่งออกรถยนต์อันดับ 4 ของโลกในช่วงก่อนปี 2020 หล่นลงไปอยู่อันดับ 6 ตามหลังเม็กซิโกที่อยู่อันดับ 5, เกาหลีใต้อยู่อันดับ 4 และเยอรมนีอยู่อันดับ 3 เห็นได้ชัดว่าตอนนี้คู่แข่งอันดับ 1 ของใคร ๆ ก็คงหนีไม่พ้นแบรนด์รถยนต์จากจีน
ผู้ผลิตรถยนต์จากจีนได้สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการผลิตและการตั้งราคา ในขณะนี้หลายแบรนด์กำลังเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และหลาย ๆ ค่ายกำลังผลิตรถ EV ที่มีประสิทธิภาพและทำกำไรได้ ซึ่งกำลังเป็นตัวเปลี่ยนเกมอุตสาหกรรมยานยนต์
การเข้ามาของ BYD รถยนต์สัญชาติจีนที่กำลังมาแรง :
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านรถยนต์มองว่า BYD เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนที่กำลังมาแรง โดยเป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลปักกิ่ง โดยเมื่อปลายปีที่แล้วก็แซง Tesla ขึ้นมาเป็นผู้จำหน่ายรถ EV อันดับ 1
แม้แต่ Elon Musk ที่มีโรงงานขนาดใหญ่อยู่ที่จีน ยังบอกว่าผู้ผลิตรถยนต์จีนเป็นคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของ Tesla
BYD ได้เข้ามาตีตลาดรถ EV ราคาถูก เช่น BYD Seagull รถ EV ขนาดเล็กที่ราคาเริ่มต้นประมาณ 11,400 ดอลลาร์สหรัฐ และถึงแม้จะคิดอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐที่ 27.5% ก็ยังมีราคาอยู่ในช่วงต่ำกว่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ยอดการส่งออกรถยนต์ไปยังตลาดนอกประเทศจีนของ BYD คิดเป็น 10% ของยอดขายรวมปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่กว่า 3 ล้านคัน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงต้นปีถึงเท่าต

