เผยด้านมืด "Starlink" อินเทอร์เน็ตของ "มัสก์" ช่องโหว่ให้อาชญากรเอาไปใช้
เผย "ด้านมืด" ของอินเทอร์เน็ตดาวเทียมอย่าง "Starlink" ซึ่งเมื่ออุปกรณ์ไปตกอยู่ในมือของผู้ไม่ประสงค์ดีผ่านตลาดมืดแล้ว จึงสร้างความวิตกด้านความมั่นคงขึ้น
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าอินเทอร์เน็ตที่เราใช้ทุกวันนี้ตกอยู่ในมือของคนร้าย นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในแถบ ทวีปแอฟริกา สถานที่ซึ่งอินเทอร์เน็ตแบบสายเคเบิลเข้าถึงยาก อินเทอร์เน็ตจากดาวเทียม “Starlink” (สตาร์ลิงก์) ของบริษัท SpaceX (สเปซเอ็กซ์) จึงกลายเป็น “ความหวังใหม่” ขึ้นมา
ก่อนอื่นขอปูพื้นก่อนว่า การจะใช้ อินเทอร์เน็ต Starlink นี้ ไม่ว่าจะอยู่กับหมีขั้วโลกเหนือ ป่าดงดิบ หรือเกาะร้างก็ตาม ขอเพียงมีชุดอุปกรณ์รับสัญญาณ (Starlink Kit) ไม่ว่าจะเป็นตัวจานขนาดเท่าพิซซ่า เราเตอร์ฯลฯ พร้อมชำระค่าบริการราว 100 – 500 ดอลลาร์ตามแพ็กเกจ ก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตจากดาวเทียมนี้ได้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาลากสาย หรือติดตั้งอะไรต่าง ๆ ให้ยุ่งยาก
Starlink กำลังบูมในตลาดมืด :
กลับมาใน "เยเมน" สงครามกลางเมืองยาวนานเป็นทศวรรษ บ้านแตกสาแหรกขาด พื้นที่ส่วนมากถูกปกครองโดยกลุ่มกบฏฮูตี ซึ่งพวกเขาได้เซนเซอร์ข้อมูลในอินเทอร์เน็ต แถมความเร็วเน็ตยังช้าด้วย ผู้คนในเยเมนจึงลักลอบใช้จานรับสัญญาณ Starlink ที่มีเสถียรภาพและรวดเร็วกว่า โดยซื้อขายกันในตลาดมืด
อีกประเทศหนึ่งคือ "ซูดาน" สงครามกลางเมืองที่ดำเนินมา 1 ปีพร้อมกับ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เป็นตัวผลักให้ประชากรหลายล้านคนอพยพหนี โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตก็พังทลาย ท่ามกลางสงครามภายในที่ไม่รู้จักจบสิ้น กองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว (Rapid Support Forces/ RSF) ซึ่งไม่ได้สังกัดกองทัพซูดาน จึงหันมาใช้อุปกรณ์ Starlink โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัท SpaceX
ถ้าถามว่า พวกเขาลักลอบใช้กันอย่างไร นักการทูตตะวันตกผู้ไม่ขอประสงค์ออกนาม กล่าวว่า เริ่มต้นจากการตั้งเครือข่ายตัวเองพร้อมจดทะเบียนดาวเทียมนี้ในดูไบก่อน จากนั้นก็ขนส่งอุปกรณ์ทางเครื่องบิน และถ่ายโอนมาที่รถ เพื่อมุ่งหน้าสู่ซูดาน
“น่ากังวลเป็นที่สุด เพราะเป็นการใช้งานโดยไม่ได้ถูกควบคุม ไม่มีการรับผิดชอบว่าใครสามารถเข้าถึงได้” เอ็มมา ชอร์ทิส (Emma Shortis) นักวิเคราะห์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สถาบัน The Australia Institute กล่าวถึงกรณีอินเทอร์เน็ต Starlink ตกอยู่ในมือผู้ก่อความไม่สงบ
ด้าน SpaceX ก็ชี้แจงต่อความกังวลดังกล่าวว่า
“ถ้าบริษัทได้รับข้อมูลการใช้อุปกรณ์จากกลุ่มที่ถูกมาตรการคว่ำบาตรหรือไม่ได้รับอนุญาต หลังจากเราตรวจสอบจนแน่ชัดแล้ว จะระงับการใช้สัญญาณนั้นต่อไป”
นอกจากนี้ ฮารูน โมฮัมเม็ด (Haroun Mohamed) พ่อค้าในไนอาล่า (Nyala) ซึ่งขนส่งสินค้าข้ามไปมาระหว่างชายแดนประเทศชาดกับซูดานใต้ กล่าวว่า การใช้ Starlink เป็นที่แพร่หลายในหมู่ทหาร RSF และพลเรือน โดยนับตั้งแต่เกิดสงครามในซูดาน ผู้คนก็หันมาใช้อินเทอร์เน็ตดาวเทียมในธุรกิจ ซึ่งจ่ายราว 2-3 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง เหล่าพ่อค้าที่ลักลอบนำเข้ามา จึงมีรายได้ดีมาก
เมื่อ Starlink ตกอยู่ในพื้นที่ขัดแย้ง :
นับตั้งแต่รัสเซียเปิดปฏิบัติการบุกยูเครน Starlink มีบทบาทอย่างมากในการให้ความช่วยเหลือด้านอินเทอร์เน็ตแก่ยูเครน แทนโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่ถูกขีปนาวุธทำลาย
อย่างไรก็ตาม ช่วงเดือน ก.พ. ของปีนี้ ฝั่งยูเครนได้กล่าวว่า พบเห็นทหารรัสเซียกำลังใช้จานรับสัญญาณ Starlink ในสงคราม อีลอน มัสก์ เจ้าของดาวเทียมจึงตอบกลับผ่านทวิตเตอร์ (X) ว่า Starlink ไม่ได้ขายอุปกรณ์ให้รัสเซียไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม
ในขณะนี้ ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า อุปกรณ์ดาวเทียมไปตกอยู่ในมือทหารรัสเซียได้อย่างไร ซึ่ง แคนเดซ จอห์นสัน (Candace Johnson) ผู้อำนวยการบริษัทด้านอวกาศ NorthStar Earth & Space มองว่า SpaceX ควรสามารถป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ดังกล่าวไปตกอยู่ในมือรัสเซีย ทุกตัวรับสัญญาณควรถูกระบุตัวตนได้
โดยสรุปแล้ว ในด้านหนึ่ง “Starlink” ได้ปฏิวัติระบบโทรคมนาคมโลกที่ต่อให้อยู่ในที่ทุรกันดารและห่างไกลเพียงใด ขอเพียงมีจานรับก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ แต่ขณะเดียวกัน อุปกรณ์เหล่านี้ก็มีหลุดรอดไปในตลาดมืดมากขึ้นเรื่อย ๆ และถูกเปิดใช้งานอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นความท้าทายของ SpaceX ในการจัดการ
อีกจุดหนึ่งที่น่าคิดต่อคือ การเข้ามาของ Starlink จะเพิ่มความเป็นอิสระจากรัฐบาลมากขึ้นหรือไม่ “ตัวเลือกใหม่” แทนระบบอินเทอร์เน็ตแบบเดิมที่มักถูกควบคุมเนื้อหาโดยรัฐ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 31 มีนาคม 2567