งานแถลงข่าวแผนกาญจนบุรีโมเดล ยกระดับเมืองนำร่อง หวังปั้นจีพีพีโต 15% ภายใน 5 ปี
วันที่ 14 มิถุนายน 2567 นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้บริหารหอการค้าไทยลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อรับฟังแนวทางและข้อเสนอการยกระดับศักยภาพภายในจังหวัดของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งนำเสนอแผน ผลักดันการท่องเที่ยว เพิ่มการจ้างงาน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวัดเป้าหมายยกระดับ 10 เมืองสู่เมืองหลัก ตั้งเป้าผลักดัน GPP โต 15% ภายใน 5 ปี
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการยกระดับเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ท่านเศรษฐา ทวีสิน เห็นชอบตามข้อเสนอของหอการค้าไทย ตั้งคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนการยกระดับเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืนในพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด ได้แก่ นครพนม ศรีสะเกษ แพร่ ลำปาง นครสวรรค์ กาญจนบุรี ราชบุรี จันทบุรี ตรัง และนครศรีธรรมราช และได้ขับเคลื่อนไประยะหนึ่งแล้ว วันนี้ถือเป็นการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่ 2 เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่ติดขัด และหาโอกาสในการเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาพื้นที่
โดยต้นทุนการพัฒนาที่สำคัญคือการแก้ไขปัญหาเรื่องของการเร่งรัดสิทธิถือครองที่ดิน ด้านการท่องเที่ยว ชูศักยภาพ 4 ภูมิ ที่สำคัญ ได้แก่ ภูมิศาสตร์ ภูมิทัศน์ ภูมิประวัติศาสตร์ และภูมิธรรม เน้นการสร้างสรรค์กิจกรรมและกีฬาทางน้ำ ด้านแรงงานและเกษตร ต่อยอดไปสู่เมืองอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ประกอบการในพื้นที่เองมีความสามารถที่จะช่วยต่อยอดสินค้าภาคเกษตรให้กลายเป็นสินค้าแปรรูปที่มีมูลค่าสูงขึ้น เช่น ผลไม้แห้ง ที่ยังมีความต้องการมาก โดยเฉพาะตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ กาญจนบุรียังมีศักยภาพในเรื่องของการบริหารจัดการแหล่งน้ำให้เป็นพื้นที่ในการจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อที่จะเป็นหนึ่งในพื้นที่ดึงดูดการลงทุนในอนาคต รวมถึงเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ ๆ ที่จะมาพร้อมการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ M81 อย่างเต็มรูปแบบในปี 2568 ซึ่งจะลดระยะเวลาการเดินทาง กรุงเทพฯ – กาญจนบุรีเหลือเพียง 45 นาที เชื่อว่าการดึงภาคเอกชน ประชาชน และศักยภาพของคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนแผนงานต่าง ๆ จะทำให้ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน และภาครัฐเป็นหนึ่งบวกหนึ่งที่ได้ผลมากกว่าสอง ช่วยกระจายความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และลดความเหลื่อมล้ำ นายแพทย์พรหมินทร์ กล่าว
ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และ ดร.ธีรชัย ชุติมันต์ รักษาการประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี ได้นำเสนอศักยภาพและเป้าหมายของจังหวัด สู่การเป็น “History and Harmony in Nature เมืองหลักแห่งประวัติศาสตร์และสันติภาพโลก” ตั้งเป้าหมายผลักดัน GPP +15% ภายใน 5 ปี ผ่านการเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยว จาก 30,401 ล้านบาท เป็น 40,400 ล้านบาทต่อปี หรือ เพิ่มขึ้นปีละ 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยว จำนวน 14.4 ล้านคน ให้เพิ่มขึ้นเป็น 15.8 ล้านคน และเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จาก 317,221 คน เป็น 380,666 คน
รวมถึงส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับประชาชนท้องถิ่นผ่านการเพิ่มอัตราการจ้างงาน การพัฒนาต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ด้วยแนวทาง Unlock Potential จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย 1) โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ และก่อสร้างอาคารแสดงนิทรรศการบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว 2) โครงการก่อสร้างหอสันติภาพ บริเวณแหลมถั่วงอก/เกาะรัตนกาญจน์ 3) โครงการศรีสวัสดิ์โมเดล ประตูท่องเที่ยวแห่งภาคตะวันตก และ 4) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวได้มีการประชุมร่วมกับภาคเอกชน และภาคีเครือข่าย ทั้ง 7 ภาคี ในการยกระดับจังหวัดกาญจนบุรีทั้งในมิติระดับจังหวัด มิติระดับภูมิภาค และมิติระดับประเทศ ไปสู่ระดับโลก
คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทย ต้องขอชื่นชมท่านนายกรัฐมนตรี ในการที่จะตัดสินใจยกระดับ 10 จังหวัดนำร่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในแต่ละพื้นที่ ถือเป็นโมเดลที่ดีที่จะขยายผลไปยังแต่ละจังหวัด เชื่อว่าจะสามารถเชื่อมโยงการทำงานทุกฝ่ายเข้าร่วมกัน โดยเฉพาะการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมถึงประชาชน ซึ่งเอกชนเองก็พร้อมเข้ามาเป็นเจ้าภาพในการลงทุนใน 10 จังหวัดที่เราเลือก
รวมไปถึงการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาถ่ายทอดและยกระดับทักษะของคนในจังหวัด สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีครั้งนี้ นับเป็นจังหวัดนำร่องที่ 2 ภายหลังจากที่ได้มีการลงพื้นที่จังหวัดนครพนม (นครพนมโมเดล) ภายใต้แผนการยกระดับเมือง 10 จังหวัด ที่จำเป็นต้องเร่งสร้างการเติบโตจากภายในประเทศด้วยการกระจายความเจริญและยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่นให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกัน รัฐบาลและภาคเอกชนมีเป้าหมายร่วมกันที่จะผลักดัน GDP ไทย ปีนี้โต 3% โดยเน้นส่งเสริมการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มเติมอีก 1 ล้านคน จากเดิม 35.7 ล้านคน เป็น 36.7 ล้านคน ซึ่งจะช่วยเพิ่ม GDP Growth ได้อีกประมาณ 0.12% ซึ่งวันนี้เราได้เห็นถึงโอกาสที่จะยกระดับศักยภาพในภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี ไปสู่ Trade & Travel ระดับนานาชาติ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของท่านนายกฯในการผลักดันให้ไทยกลายเป็น Tourism Hub เชื่อมโยงกับภูมิภาค
คุณญนน์ โภคทรัพย์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางการยกระดับจังหวัด ผ่าน 3 แกนหลักสำคัญ ได้แก่
(1)Unlock Potential ทั้งการสร้าง Landmark (Tourism, Cultural, and Food) ส่งเสริมเอกลักษณ์ อัตลักษณ์วัฒนธรรมไทยที่ดี (Thainess) เชื่อมโยงโครงการ One Family One Soft Power (OFOS) การสร้างและยกระดับระบบคมนาคมพร้อมเชื่อมจังหวัดใกล้เคียง และเร่งการส่งเสริมการลงทุน และ Incentive ในพื้นที่
(2)การสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี ทั้งการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค (น้ำประปา ไฟฟ้า Speed Internet) ระบบสาธารณสุขและเทคโนโลยีและการสื่อสารที่ทันสมัยทั่วถึง การสร้างเมืองรองเป็นโมเดลต้นแบบเมือง Net Zero รวมถึง ระบบจัดการขยะให้ครบวงจรด้วยระบบ (Reduce, Reuse, Recycle) และ
(3) การช่วยเหลือเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ด้วยการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยให้ทั่วถึง เพิ่มรายได้ให้ SMEs (ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและเพิ่มมูลค่าของสินค้า) มีมาตรการส่งเสริมให้คนเก่ง (Talent) ที่เป็นคนไทยกลับสู่ภูมิลำเนาและแรงงานศักยภาพสูงชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในพื้นที่ และการส่งเสริมการจ้างงานเฉพาะทั้งคนพิการ และกลุ่มผู้สูงอายุในพื้นที่
ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูง หากสามารถขับเคลื่อนภายใต้ 3 แกนหลักดังกล่าวจะเกิดการพัฒนาและยกระดับเมืองให้เกิดการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด และสร้างรายได้และความเป็นอยู่ของประชาชนให้สูงขึ้นในอนาคตต่อไป
ท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ท่านอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งโดยสั่งการให้ทั้ง 10 จังหวัดวางแผนการขับเคลื่อนฯ ในการพิจารณาศักยภาพของจังหวัดในทุกมิติให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) ซึ่งกระทรวงมหาดไทย พร้อมให้การสนับสนุนและขับเคลื่อนการดําเนินงานของคณะกรรมการฯ ผ่านกลไกคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนจังหวัด (กรอ.จังหวัด) เพื่อให้เกิดความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคส่วนอื่นๆ
ให้บรรลุวัตถุประสงค์การขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเจริญมาสู่พื้นที่และยั่งยืน ต่อไป
สำหรับแผนขับเคลื่อนการยกระดับเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืนในพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด ได้เริ่มดำเนินการเปิดตัวไปแล้ว 2 จังหวัด ซึ่งหลังจากนี้คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีกำหนดลงพื้นที่ 8 จังหวัดนำร่องที่เหลือ ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ศรีสะเกษ แพร่ ลำปาง นครสวรรค์ ราชบุรี จันทบุรี และตรัง โดยตั้งเป้ายกระดับเมืองนำร่องให้สำเร็จภายใน 3 ปี
ที่มา หอการค้าไทย
วันที่ 14 มิถุนายน 2567