หอค้าไทย ชงรัฐฟื้นแผนบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ หวั่นท่วม-แล้ง ซ้ำซาก ฉุดการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้บริหารเยี่ยมเยือนหอการค้าจังหวัดและผู้ประกอบการในพื้นที่ 3 จังหวัด เพื่อรับฟังข้อเสนอและแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งเอกชนในพื้นที่ได้สะท้อนปัญหาและความต้องการเร่งด่วนในด้านการบริหารจัดการน้ำ โดยในช่วงที่ผ่านมาปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งซ้ำซาก สร้างผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิตของภาคการเกษตรที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ดังนั้น หอการค้าไทยจึงเสนอให้รัฐบาลรื้อฟื้นแผนการวางระบบบริหารจัดการน้ำในอดีตที่รัฐบาลได้เคยนำเสนอไว้
โดยเฉพาะแผนจัดการส่วนลุ่มน้ำเจ้าพระยามาปรับปรุงและเร่งผลักดันโครงการที่สามารถดำเนินการได้ก่อนผ่านงบประมาณปี 2568 เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาให้กับภาคเกษตรและประชาชนในพื้นที่ได้ทันท่วงที ทั้งนี้ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่างถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการเกษตรสูง โดยเฉพาะการปลูกพืชและการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งจังหวัดนครปฐมมีชื่อเสียงในเรื่องการปลูกผลไม้ เช่น มะพร้าวและส้มโอ รวมถึงการเลี้ยงสุกรที่มีการผลิตอย่างต่อเนื่องและได้มาตรฐาน ส่วนราชบุรีเป็นแหล่งปลูกพืชผักและผลไม้หลากหลายชนิด ทั้งมะพร้าว องุ่น และมะม่วงที่มีคุณภาพดี อีกทั้งยังมีฟาร์มโคนมที่ผลิตน้ำนมสดจำนวนมาก ขณะที่สุพรรณบุรีเป็นพื้นที่ปลูกข้าว อ้อยและการเลี้ยงปลาในกระชังที่แพร่หลาย ดังนั้น ภาคการเกษตรจึงเป็นหนึ่งในโครงสร้างเศรษฐกิจที่สำคัญของพื้นที่ภาคกลางตอนล่างและปริมณฑล
นอกจากนี้ หอการค้าไทยยังได้รับเข้าพบและหารือกับนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี น.ส.วริษฐา สงวนเสริมศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และนายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และรับฟังข้อเสนอสำคัญจากประธานหอการค้าจังหวัดในพื้นที่ ได้แก่ ดร.สุกิจ ศรีบัวทอง ประธานหอการค้าจังหวัดนครปฐม ได้นำเสนอและขอรับการสนับสนุนการยกระดับงาน “นครปฐมเมืองอาหารปลอดภัย ศูนย์กลางนำ ครัวไทย สู่ครัวโลก” เป็นอีเวนต์ใหญ่ในจังหวัดใกล้เคียง โดยนครปฐมเป็นพื้นที่ศักยภาพในการผลิตผลผลิตทางการเกษตรแห่งหนึ่งของประเทศ ขณะเดียวกันยังมีความโดดเด่นด้านอาหารท้องถิ่นที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ง่ายเนื่องจากมีระยะทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ
ด้านนายชัยวุฒิ สุขสมิทธิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดราชบุรี นำเสนอการผลักดันโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสถานีขนส่งสินค้าของจังหวัดราชบุรี ณ บริเวณสามแยก วังมะนาว อำเภอปากท่อ เนื่องจากราชบุรีสามารถกระจายสินค้าสู่ภาคต่างๆ ได้อย่างสะดวก ตลอดจนมีเส้นทางคมนาคมทั้งทางบกและทางรางที่สามารถรองรับการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร อาทิ โครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 (บางใหญ่-กาญจนบุรี) โครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 8 (นครปฐม-ชะอำ) โครงการทางยกระดับทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) โครงการรถไฟรางคู่นครปฐม-หัวหิน เป็นต้น นอกจากนั้น ราชบุรียังเป็น 1 ใน 10 จังหวัดที่รัฐบาลและหอการค้าไทยเตรียมยกระดับเป็นเมืองหลักที่ยั่งยืน โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนราชการ และภาคเอกชนในพื้นที่มีความพร้อมและอยู่ในระหว่างจัดทำแผนเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการฯ ที่มีนายแพทย์ พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะฯ ต่อไป
ขณะที่ นายวีระ ตั้งวุทฒิไกรวิทย์ ประธานหอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรี เสนอแนะให้มีการเร่งรัดโครงการศึกษาเส้นทางรถไฟสายใหม่ ช่วงกาญจนบุรี-สุพรรณบุรี-ชุมทางบ้านภาชี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และเสนอให้รัฐบาลปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่า รวมถึงการปรับเกณฑ์การคิดค่าเสื่อม สิ่งปลูกสร้างเพื่อใช้ในการเรียกเก็บภาษีให้ถูกต้องและเหมาะสม
“ข้อเสนอต่างๆ ที่ได้รับจากภาคเอกชนและผู้ประกอบการจังหวัดนครปฐม ราชบุรี และสุพรรรณบุรี หอการค้าไทยจะรับไปพิจารณาความเหมาะสม พร้อมทั้งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วต่อไป” นายสนั่นกล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 21 มิถุนายน 2567