คาดอินเดียดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศ 100,000 ล้านดอลลาร์ ในปีนี้
ซิตี้กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจธนาคารรายใหญ่จากสหรัฐ คาดอินเดียจะดึงเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ได้ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.623 ล้านล้านบาท) ในปีงบฯ 2024 นี้
วันที่ 19 กรกฎาคม 2024 บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า เค บาลาสุบรามาเนียน (K. Balasubramanian) หรือ “บาลา” หัวหน้าฝ่ายการธนาคารสำหรับลูกค้าองค์กรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอนุทวีปอินเดีย ของกลุ่มธุรกิจธนาคาร ซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) ประเมินว่า อินเดียมีแนวโน้มที่จะดึงเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ได้ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.623 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณ-งบการเงิน 2024 นี้
นายธนาคารของซิตี้กรุ๊ปบอกอีกว่า เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเหล่านั้นจะมุ่งลงทุนโครงการการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โครงสร้างพื้นฐาน และโครงการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งบริษัทที่ทำงานเพื่อช่วยให้อินเดียบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) จะเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากกระแสเงินทุนจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียตั้งเป้าที่จะดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศให้ได้ 110,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีในช่วง 7 ปีข้างหน้า ขณะที่อินเดียกำลังดูดนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนออกจากจีน ซึ่งคิดเป็นเพิ่มขึ้น 57.14% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่ดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศได้ประมาณ 70,000 ล้านดอลลาร์
บาลาสุบรามาเนียนกล่าวว่า เงินทุนที่ไหลเข้าสู่โครงการที่เป็นยุทธศาสตร์การผลิตพลังงานยั่งยืนของอินเดีย อย่างเช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ไฮโดรเจน แอมโมเนีย หรือในด้านการใช้พลังงานอย่างยานยนต์ไฟฟ้า ถือเป็น “เรื่องใหญ่อย่างแท้จริง”
“บริษัทที่น่าเกรงขามทุกบริษัทกำลังฟูมฟักแผนของตนในการที่จะเข้าสู่ยุคถัดไปของการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า” บาลากล่าว
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี (Narendra Modi) ของอินเดีย แสดงตนว่าเป็นแชมป์แห่งการดำเนินการด้านสภาพอากาศ ที่ผ่านมาอินเดียได้ลงทุนจำนวนมากในด้านพลังงานสะอาด โดยเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่า 100 จิกะวัตต์ (GW) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และอินเดียให้คำมั่นว่าจะขยายการผลิตพลังงานเชื้อเพลิงที่ไม่ใช่ฟอสซิลให้ได้ขนาด 500 จิกะวัตต์ ภายในสิ้นทศวรรษนี้ และตั้งเป้าที่จะลงทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 36 ล้านล้านบาท) ในพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อให้เป็นไปตามคำมั่นสัญญาปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิศูนย์ภายในปี 2070
อินเดียมีโครงการจูงใจนักลงทุนมูลค่า 181,000 ล้านรูปี (ประมาณ 78,400 ล้านบาท) สำหรับการลงทุนผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในอินเดีย ซึ่ง รีเลียน อินดัสทรีส์ (Reliance Industries Ltd.), เจเอสดับเบิลยู นีโอ เอเนอร์จี (JSW Neo Energy Ltd.) และ โอลา อิเล็กทริกส์ โมบิลิตี (Ola Electric Mobility Pvt.) เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับสิ่งจูงใจภายใต้โครงการนี้
บาลากล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนผ่านสภาพภูมิอากาศ (Climate Transition) แล้ว การรุกเข้าสู่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการผลิตที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของอินเดียกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนในต่างประเทศ
“เงินทุนจะเข้าสู่ทุกที่ที่มีโอกาสในแง่ของความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิต … การเพิ่มทักษะและมูลค่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับการลงทุนดังกล่าว”
ตามคำบอกเล่าของนายธนาคารจากซิตี้ ตอนนี้อินเดียกำลังดึงดูดนักลงทุนกลุ่มใหม่ เขาบอกว่ากองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในตะวันออกกลางเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของโครงการผลิตพลังงานในอินเดีย ในขณะที่นักลงทุนสหรัฐสนใจบริษัทที่เน้นด้านเทคโนโลยีและการบริโภค บริษัทในยุโรปลงทุนในเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์ และเงินลงทุนจากประเทศในเอเชียเหนือก็กำลังเดินทางมายังอินเดียเช่นกัน
บาลาบอกอีกว่า มีบริษัทญี่ปุ่น 1,600 บริษัทที่ได้กำหนดแผนการเข้าทำธุรกิจในสู่อินเดีย ทั้งในฐานะการเป็นผู้จัดจำหน่าย หรือเป็นซัพพลายเออร์ให้กับบริษัทขนาดใหญ่
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 19 กรกฏาคม 2567