รัฐบาลจีนไฟเขียว สร้าง "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์" เพิ่มอีกแห่ง
เป็นที่ทราบกันดีว่า ความมั่นคงทาง "พลังงานไฟฟ้า" เป็นรากฐานสำคัญของการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ความมั่นคงที่ว่า ไม่ใช่แค่การมีไฟฟ้าใช้ในครัวเรือนเท่านั้น แต่หมายถึงเศรษฐกิจภาพใหญ่ของประเทศที่พร้อมจะไปต่อหรือหยุดอยู่แค่นี้
หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงานไฟฟ้าขาดแคลนอย่างหนักจากหลายปัจจัย (การเพิ่มกำลังการผลิต ภัยสงคราม ภัยธรรมชาติ รวมถึงสภาพอากาศกับความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือน) ทำให้แต่ละประเทศจำเป็นต้องแสวงหา “แหล่งพลังงาน” ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงให้กับตน รวมถึงจีน
ท่านทราบหรือไม่ว่า รัฐบาลจีนมีแนวทางอย่างไรในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานภายใต้โจทย์ “ความกระหายพลังงานบนเส้นทางที่ต้องบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)” นั่นคือ การเพิ่มสัดส่วนการบริโภคเชื้อเพลิงที่ไม่ใช่ฟอสซิล (non-fossil fuel) ในโครงสร้างการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศจีน โดย “พลังงานนิวเคลียร์” ถือเป็น 1 ในพลังงานทางเลือกที่จีนให้ความสนใจและต้องการนำมาเป็นพลังงานทดแทน
ปัจจุบัน “จีน” ได้ก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจด้าน “พลังงานนิวเคลียร์” ของโลก เทียบชั้นผู้นำด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์อย่างประเทศฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นแล้ว โดยประเทศจีนเป็น “ผู้เล่น” ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก (เริ่มใช้พลังงานนิวเคลียร์เมื่อช่วงต้นทศวรรษ 1990) โครงการพลังงานนิวเคลียร์ในจีนที่แนวโน้มเติบโตเร็วที่สุดในโลก และ “จีน” เป็นเจ้าของเทคโนโลยีการกำเนิดไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่มีความทันสมัยและมีความปลอดภัยมากที่สุดในโลก และพร้อม “ส่งออกเทคโนโลยี” ดังกล่าวไปต่างประเทศด้วย
ที่มา globthailand
วันที่ 22 กันยายน 2567