"รัฐ-เอกชน" ผนึกพลัง หนุนไทยฮับ "การบิน-ท่องเที่ยว"
การผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางทางการบิน หรือฮับการบินของภูมิภาค กลับมาเป็นเป้าหมายหลักอีกครั้ง หลังจากที่ทางรัฐบาลไทยประกาศให้แผนพัฒนาฮับการบิน (Aviation Hub) เป็น 1 ใน 8 วิสัยทัศน์พัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศภายใต้ Thailand vision : IGNITE THAILAND
โดยแผนดังกล่าวได้ครอบคลุมในหลากหลายมิติ พร้อมเน้นย้ำในเรื่องของการเป็น Aviation Hub ในภาคการบินสู่การเป็น Tourism Hub ของภาคการท่องเที่ยว โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ได้จัดสัมนา Navigating The Future : Embarking to the Hub of Aviation และบรรยายหัวข้อ “โอกาสและการเตรียมความพร้อมของไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค ไว้ดังนี้
มั่นใจนักท่องเที่ยวถึงเป้า 36.7 ล้านคน :
“ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยแตะระดับ 26 ล้านคนแล้ว ภายใน 9 เดือนแรกของปีนี้
ถือเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจไทย โดยรัฐบาลมั่นใจว่าจะถึงเป้า 36.7 ล้านคนได้ในสิ้นปีตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึง ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนักท่องเที่ยวระยะไกลที่ยังคงเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก
ท่องเที่ยวฟื้นหนุนเศรษฐกิจ :
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่สะท้อนให้เห็นในช่วงที่ผ่านมาคือ การยกเลิกข้อกำหนดในการเดินทาง และการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้สะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการส่งเสริมการตลาด การรณรงค์ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยือนประเทศไทย
รวมถึงยังมีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ทุกกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาคการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายบางประการ เช่น การแข่งขันที่สูงขึ้นจากประเทศคู่แข่ง และปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางพื้นที่
ทั้งนี้ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยนับเป็นสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจไทย โดยรัฐบาลและภาคเอกชนต่างให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาภาคการท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
AOT พร้อมรองรับ นทท.ทะลัก :
ด้าน “กีรติ กิจมานะวัฒน์” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT บอกว่า ภาคการบินไทยกำลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากเผชิญวิกฤตโควิด-19 โดยตัวเลขผู้โดยสารต่างชาติมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการในการเดินทางทางอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น
โดย AOT ในฐานะผู้ดูแลท่าอากาศยานหลักของประเทศได้เตรียมความพร้อมในการรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยได้มีการปรับปรุงและพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การติดตั้งออโต้เกตใหม่ การปรับปรุงพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสาร และการขยายขีดความสามารถของรันเวย์ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน
ก้าวสู่ฮับการบินของภูมิภาค :
นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่จะยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้เป็นหนึ่งใน 20 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลกภายใน 5 ปี และเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ถึง 210 ล้านคน ภายในปี 2575 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเซาท์เทอร์มินอล และนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร
พร้อมทั้งขับเคลื่อนสู่ Aviation Hub (ระยะสั้น) โดยมีแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนา ห้วงอากาศ และการเดินอากาศแห่งชาติเพื่อบริหารจัดการรองรับเที่ยวบินไม่น้อยกว่า 1.2 ล้านเที่ยวบินภายในปี 2568
รวมถึงจัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาการจัดการข้อมูลทางอากาศแบบครบวงจรสำหรับประเทศไทย (SWIM Master Plan) โดยเน้นสร้างองค์ความรู้ พัฒนาการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารการบินไปสู่การจัดการข้อมูลทั้งระบบให้สามารถขับเคลื่อนการจัดการด้านข้อมูลของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่องตามมาตรฐานสากล
บินไทยตั้งเป้าขึ้นท็อป 10 โลก :
ขณะที่ “ทวิโรจน์ ทรงกำพล” ประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์องค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การบินไทยเดินหน้าแผนฟื้นฟูกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะกลับมาเป็นสายการบินชั้นนำระดับโลกภายใน 3 ปี และร่วมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค
นอกจากนี้ ยังร่วมกับ AOT ยกระดับประสบการณ์ผู้โดยสาร และพัฒนาระบบการบินของประเทศไทย โดยร่วมกันจัดทำเวิร์กช็อปเพื่อกำหนดเป้าหมายและแนวทางการทำงานร่วมกัน
“การบินไทยได้ตั้งเป้าหมายที่จะกลับเข้าสู่อันดับท็อป 10 ของสายการบินระดับโลกภายใน 3 ปี โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพบริการ การปรับปรุงเส้นทางบิน และการขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ สร้างสมดุลระหว่างเที่ยวบินตรงและเที่ยวบินเชื่อมต่อ นอกจากการให้บริการเที่ยวบินตรงแล้ว”
พัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน :
“ทวิโรจน์” บอกด้วยว่า ไม่เพียงเท่านี้การบินไทยยังมีแผนที่จะพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการซ่อมบำรุงอากาศยานของตนเอง และสายการบินอื่น ๆ ในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการบิน
พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการบิน โดยมีการดำเนินการต่าง ๆ ของการบินไทย สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค โดยการบินไทยจะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน
สมาคมสายการบินหนุนเต็มสูบ :
ด้าน “พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส และนายกสมาคมสายการบินประเทศไทย บอกว่า ทุกภาคส่วนได้มีการร่วมผลักดันอุตสาหกรรมการบินไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน หลังจากเผชิญวิกฤตโควิด-19 โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างมาตรฐานการบริการที่สูงขึ้น และร่วมมือกับภาครัฐเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะเดียวกัน สายการบินแต่ละแห่งต่างดำเนินงานแยกกัน แต่หลังจากเผชิญวิกฤตร่วมกัน สายการบินไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรวมพลังเพื่อก้าวข้ามผ่านวิกฤตไปด้วยกัน สมาคมสายการบินไทยจึงได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นเวทีกลางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และร่วมกันกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของไทย
อัพมาตรฐาน-เชื่อมต่อในภูมิภาค :
ทั้งนี้ สมาคมมุ่งเน้นการสร้างมาตรฐานการบริการที่สูงขึ้น เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์การเดินทางที่ดีขึ้น โดยจะร่วมกันพัฒนาระบบการจองตั๋ว การให้บริการบนเครื่องบิน และการจัดการสัมภาระ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้โดยสารและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับอุตสาหกรรมการบินไทย
รวมถึงยังได้ร่วมมือกับภาครัฐในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะร่วมกันจัดทำโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการเดินทาง และร่วมกันพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
และเพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น สมาคมจะร่วมกันปรับปรุงตารางเที่ยวบินและเพิ่มเส้นทางบินใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการของตลาด พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค โดยจะร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของท่าอากาศยาน และส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมการบิน
การรวมพลังดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 10 ตุลาคม 2567