สี จิ้นผิงหารือไบเดนนัดสุดท้าย ชี้การแบ่งขั้วเศรษฐกิจโลกไม่ใช่ทางแก้
สี จิ้นผิง ผู้นำจีนกล่าวกับโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐว่า เขาพร้อมที่จะทำงานร่วมกับโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐคนต่อไป และบอกอีกว่าการแบ่งขั้วเศรษฐกิจโลกไม่ใช่ทางแก้ปัญหา ทั้งยังย้ำกับพันธมิตรสหรัฐว่า จีนเป็นหุ้นส่วนการค้าที่ไว้วางใจได้มากขึ้น ท่ามกลางการขู่ขึ้นภาษีของทรัมป์
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2024 บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนกล่าวกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐว่า เขาพร้อมที่จะทำงานร่วมกับโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐคนต่อไปเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ต่างเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก และย้ำว่าการแบ่งขั้วเศรษฐกิจไม่ใช่ทางแก้ปัญหา ในการประชุมนอกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ในกรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อ 16 พฤศจิกายน
“จีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่เพื่อรักษาการสื่อสาร ขยายความร่วมมือ และจัดการความแตกต่างทั้งหลายเพื่อมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านความสัมพันธ์จีน-สหรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ” สีกล่าว
ในช่วงเริ่มต้นการประชุมทวิภาคีสหรัฐ-จีน ซึ่งคาดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง สีกล่าวว่าความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะช่วยให้มนุษยชาติเอาชนะปัญหานานัปการ
“ทั้งการแบ่งขั้วเศรษฐกิจโลก (Decoupling) และการหยุดชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานไม่ใช่การแก้ปัญหา” ผู้นำจีนกล่าว
ไบเดนกล่าวว่า การหารือดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อป้องกันการคำนวณที่ผิดพลาดและรับรองว่าการแข่งขันระหว่างสองประเทศจะไม่เปลี่ยนไปเป็นความขัดแย้ง และกล่าวเสริมว่า ความร่วมมือดังกล่าวได้ทำให้การสื่อสารทางทหาร ความเสี่ยงด้านปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ รวมถึงการต่อต้านยาเสพติดดีขึ้น
สีกล่าวกับไบเดนว่า สงครามเย็นรอบใหม่ไม่ควรเกิดขึ้น และเรียกร้องให้ฝ่ายสหรัฐยับยั้งจากความเคลื่อนไหวใด ๆ ก็ตามที่มีผลกระทบที่น่าหวาดกลัวตามมา
ท่ามกลางการขู่ขึ้นอัตราภาษีสินค้าระหว่างประเทศของทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมในปี 2025 สีใช้โอกาสในการประชุมเอเปคเพื่อที่จะวางจุดยืนของจีนในฐานะหุ้นส่วนการค้าเสรีที่ไว้วางใจได้มากขึ้น รวมทั้งสียังหารือกับพันธมิตรและหุ้นส่วนสหรัฐในหลายเขตเศรษฐกิจ เพื่อเน้นย้ำจุดยืนดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ สียังกล่าวเปิดท่าเรือน้ำลึกที่จีนลงทุนสร้างมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 45,000 ล้านบาท) ในเปรู ส่วนหนึ่งของโครงการเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 ตลอดจนเรียกร้องให้ผู้นำในเขตเศรษฐกิจเอเปคทลายกำแพงที่ขัดขวางการค้า การลงทุน เทคโนโลยี และการบริการ
สี จิ้นผิงยังประกาศว่าจีนจะเป็นเจ้าภาพเอเปคปี 2026 ซึ่งนับเป็นโอกาสที่จะทำให้ทรัมป์ได้ไปเยือนจีนด้วย
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2567