"สนั่น" เสนอ 7 แนวคิด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทำไทยหลุดกับดักประเทศปานกลาง
"สนั่น อังอุบลกุล" เปิดงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 เสนอ 7 แนวคิด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อม 3 ข้อเสนอรัฐบาล ทำไทยหลุดกับดักประเทศปานกลาง ชี้ ทุกภาคส่วนร่วมมือทำจีดีพีไทยกลับมาโตได้ 5 %
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวเปิดการสัมมาหอการค้าทั่วประเทศ ที่หอประชุม NICE HALL สวนนงนุช จ.ชลบุรี ว่า ปีนี้เป็นปีที่ 4 ของสมัยของตนแล้ว จากวันแรกที่ผมเข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการ 24 มีนาคม 2564 ช่วงนั้นเราเผชิญวิกฤตโควิด-19 ต้องปิดประเทศ เศรษฐกิจตกต่ำ หอการค้าฯ ชูนโยบาย 99 วันแรก ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ใช้แนวทาง Connect the Dots ทำงานร่วมกับรัฐบาลและภาคส่วนต่าง ๆ
ทำให้คำว่า Mission Impossible กลายเป็น Possible ได้ในวันนี้ ซึ่งทุกภารกิจที่หอการค้าฯ ขับเคลื่อน เราเริ่มจากการตั้งคำถามว่า WHY – WHAT - และนำไปสู่ HOW คือทำอย่างไรให้เกิดผลเป็นรูปธรรม จับต้องได้จริง
จากวันนั้น ถึง วันนี้ เข้าสู่ปีที่ 4 ของการทำงานของคณะกรรมการชุดเรา เรามีส่วนช่วยผลักดัน GDP ประเทศเติบโตขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตามตนมี 7 เรื่อง ที่อยากชวนคิด ชวนคุย ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ของทั้งโลกและไทยก่อน
(1)วันนี้สถานการณ์เศรษฐกิจและ Geopolitical ปัจจุบัน ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหลังจากการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา ที่นายโดนัลด์ ทรัมส์ ได้รับชัยชนะ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ แม้เราจะเผชิญกับความไม่แน่นอน แต่เรายังเชื่อว่าสงครามการค้า ย่อมดีกว่าสงครามที่แท้จริงโลกยังคงมีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจ และเราเห็นแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคของเรา เป็นโอกาสที่ประเทศไทยควรใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
"มองว่านี้คือโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับไทย ซึ่งจะไม่ใช่ แค่ win-win แต่จะเป็น All win Situation ซึ่งประเทศไทยต้องวางตัวเป็นกลาง และควรต้องขยายการค้า Connect กับประเทศอินเดียทั้งในด้านการค้า การลงทุน เพราะเป็น Strategic Country ที่ เชื่อมภูมิภาค South East Asia กับ อินเดีย เชื่อมผลประโยชน์จากจีน และ USA ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็น Opportunity ของไทย"
(2)เรื่องสำคัญต่อมาคือ ปัญหาหนี้ ที่ประชาชนและ SMEs กำลังเผชิญอยู่ หัวใจสำคัญคือ การแก้หนี้-ใช้นโยบายการเงิน การคลัง ควบคู่กัน พร้อมกับการกระจายรายได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
ซึ่งหอการค้าไทยได้เสนอแนวทางหลายประการ เช่น การพักและยืดการชำระหนี้ ทั้ง บ้าน รถ และ SMEs โดยเฉพาะไม่ยึดรถกระบะที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของประชาชน การลดดอกเบี้ย และการปลดล็อกการเข้าถึงสินเชื่อก็เป็นเรื่องจำเป็นในขณะนี้
(3)สำหรับภาคการเกษตรและอาหาร ถือเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากมีประชากรส่วนใหญ่พึ่งพาอุตสาหกรรมนี้ สิ่งสำคัญในภาคเกษตรและอาหารคือ ประเทศไทยต้องเร่งนำเทคโนโลยีขั้นสูงและ R&D โดยรัฐบาลสนับสนุนพันธุ์พืชที่ดี เพื่อเพิ่ม Productivity และเปลี่ยนจากการขายสินค้าเกษตร สู่การแปรรูปเป็นอาหารที่มี value added
ส่วนนี้ เชื่อว่า ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ YEC มีความพร้อม ที่จะเข้ามาช่วยแต่ละจังหวัดขับเคลื่อน ขณะเดียวกันหอการค้าฯ ตั้งทีมศึกษาตัวอย่าง Food Valley ของประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยวางแผนนำไปขยายผลในจังหวัดขอนแก่นเป็นแห่งแรก นอกจากนั้น หอการค้าไทยให้ความสำคัญกับการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน แก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง
ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นของภาคเกษตรเราได้เสนอแนวทางนี้ต่อรัฐบาลและได้เห็นผลสำเร็จในระดับหนึ่ง การนำนวัตกรรม เช่น ระบบ Smart Farm มาใช้จะช่วยยกระดับผลผลิตได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ดร.พจน์ รองประธาน คนที่ 1 ได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร รวบรวมข้อมูลสินค้าเกษตรที่ล้นตลาด ได้แก่ 1) พืชผัก ผลไม้ 2) ประมง และ 3) ปศุสัตว์
(4)ในด้านการท่องเที่ยวและ Soft Power จากความทุ่มเทของประธานกิตติมศักดิ์ คุณกลินท์ สารสิน และคุณสนั่นได้สานต่อด้วยแนวทาง Trade & Travel ประการสำคัญคือ ไทยมีศักยภาพที่จะผลักดันให้กลายเป็น Tourism Hub และ Wellness Hub สร้าง value added จากจุดแข็งของเรา ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศ
ต้องใช้ประโยชน์จาก Soft Power ของประเทศไทย เช่น เทศกาลลอยกระทง ปีใหม่ และสงกรานต์ ที่เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก หรือแม้แต่ มวยไทย อาหารไทย นวดไทย ต่อยอดสู่ การระดับโลกให้ได้เน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับชุมชนและเศรษฐกิจในท้องถิ่น
นอกจากนี้ การเป็นเจ้าภาพงานใหญ่ เช่น ซีเกมส์ และพืชสวนโลกที่โคราชและอุดร จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคได้อย่างมาก
(5)การใช้Digital transformation โดยเฉพาะการนำ Ai มาใช้ ในภาคธุรกิจ ซึ่งส่วนนี้ไทยยังมีคนที่เก่งด้านเทคโนโลยีไม่เพียงพอ วันนี้ต้องรัฐต้องเร่งปรับตัวให้เร็วที่สุด กระทรวง DE + กระทรวง อว. เชื่อมการทำงานกันอย่างเป็นรูปธรรม
(6)และสร้างโอกาสในการเป็น ศูนย์กลางทางการศึกษา (Education Hub) ส่วนนี้ประเทศไทยสามารถต่อยอดจากการเป็น Tourism Hub ได้ เพราะไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่ซึ่งเราต้องปรับปรุงกฎหมายเพื่อดึงดูดนักลงทุนและสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยระยะยาว ให้มีสิทธิ์ในการถือครองที่ดินหรืออำนวยความสะดวกในการต่อวีซ่า ก็จะเป็นประโยชน์ของประเทศไทยได้ในอนาคต ขณะเดียวกันประเด็นเรื่องค่าแรง หากเราสามารถใช้ Pay by skills จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้แรงงานของเราเกิดความตื่นตัวและพัฒนาทักษะใหม่ๆ
(7)ครบรอบความสัมพันธ์ไทยจีน ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หอการค้าไทย + สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย + หอการค้าไทยจีนจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญู และความจงรักภักดีของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่มีต่อพระมหากษัตริย์ไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พ่อค้าฯ ทั่วประเทศ
ขอเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ร่วมลงนามเพื่อนำรายชื่อทูลเกล้าฯ ตั้งเป้าหมาย 1 ล้าน รายชื่อทั่วประเทศ ภายในปีนี้ เชิญชวนทุกท่านมีส่วนร่วมสมทบทุน ในการจัดสร้างครั้งนี้ด้วยกัน จาก 7 เรื่องที่ผมได้นำเสนอชวนคิดมา เป็นเรื่องที่ ตอนนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่
ในส่วนของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทางภาคเอกชนได้เสนอ 3 เรื่องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ คือ
1)การสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ โดยเร่งใช้งบปี 68 ให้เป็นไปตามแผน กระตุ้นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งใช้จ่ายงบประมาณที่มีอยู่ การแจกเงินสด เฟส 2 กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปี
เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หอการค้าฯ เสนอเพิ่มโครงการคูณสอง ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ มาตรการ Easy e-Receipt การดึงคนเก่งทั่วโลก มาทำงานและอยู่อาศัย ปรับกฎหมายให้เอื้อและดึงดูดคนเก่งเหล่านี้มาประเทศเรา การเร่งดึงดูดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และเสนอให้จังหวัดปราจีนบุรี ให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ EEC ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการลงทุนใน EEC ได้อีกมหาศาล
2)ต้องช่วยให้สินค้าไทยแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศประเทศไทย ต้องเลือกการลงทุนที่มีคุณภาพ ที่มีการจ้างงานในประเทศ มีการใช้วัตถุดิบและ local content อยู่ในอุตสาหกรรมยุคใหม่ มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้คนไทย เราต้องส่งเสริมการลงทุนที่มีลักษณะข้างต้นไม่ใช่เอาการลงทุนทุกชนิดที่มาและให้การส่งเสริมทุกอย่าง และ
3)การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตรักษาโมเมนตัมในภาคธุรกิจที่ไทยยังแข่งขันได้ดี ด้าน Food, Tourism, Wellness การเป็น Logistics & Connectivity และ Education Hub การเร่งดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ New S-Curve ด้าน AI ดิจิทัล EV Car Green Energy
“ข้อเสนอที่หอการค้าไทยยื่นให้รัฐบาลได้รับการตอบรับอย่างดีในหลายข้อเสนอ และผมเชื่อมั่นว่าการตอบรับแนวทางต่างๆนี้ จะมีส่วนช่วยเสริมให้ประเทศไทยหลุดจากการ middle income trap กับดักประเทศรายได้ปานกลางและเชื่อมั่น GDP ไทยปีหน้า น่าจะเติบโตได้ตามที่หลายสำนักคาดไว้ไม่ต่ำกว่า 3 และในอนาคต
หากเรามีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจขนานใหญ่ โดยเฉพาะการแก้หนี้ และ กระจายรายได้อย่างทั่วถึง ส่งออกสินค้าที่โลกต้องการ ไม่ใช่ Thailand Kodak สร้างคนเก่งให้ทัน และทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาสังคม และต่างประเทศมีโอกาสที่ GDP จะกลับมาเติบโตเต็มศักยภาพได้ถึง 5%“
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2567