เงินเฟ้อจีนเดือนพ.ย.ต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจยังติดบ่วงเงินฝืด
ดัชนีราคาผู้บริโภคจีนเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว แรงกดดันภาวะเงินฝืดยังฉุดเศรษฐกิจ ท่ามกลางความกังวลสงครามการค้ากับสหรัฐ
ซีเอ็นบีซี รายงาน ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนที่เผยแพร่ในวันจันทร์นี้ (9 ธ.ค.67) ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น น้อยกว่าที่คาด โดยเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% จากปีก่อนหน้า
นักวิเคราะห์ที่สำรวจโดยรอยเตอร์ส คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายน จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 0.5% จากปีก่อน เมื่อเทียบกับ 0.3% ในเดือนตุลาคม
ดัชนีราคาผู้ผลิตของจีน (PPI) ลดลงเป็นเดือนที่ 26 อัตรา เงินเฟ้อผู้ผลิตติดลบ 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 2.8% ตามการสำรวจของรอยเตอร์ส
อัตราเงินเฟ้อที่เกือบเป็นศูนย์อย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นว่าจีน ยังคงเผชิญกับอุปสงค์ภายในประเทศที่ซบเซา และภาวะ เงินฝืดในระดับตลาดขายส่ง ทั้งนี้ แม้ว่าปักกิ่งจะดำเนิน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาตั้งแต่เดือนกันยายน เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ย การสนับสนุนตลาดหุ้น และอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงความพยายามกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร
เบ็คกี้ หลิว หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์มหภาคของจีนที่ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (Standard Chartered Bank) กล่าวว่า “เราเชื่อว่าภาวะเงินฝืดจะยังคงดำเนินต่อไปในจีน โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในช่วง สงครามการค้า” โดยอ้างถึงสงครามการค้าระหว่างจีน และ สหรัฐที่ยังคงดำเนินอยู่
“อัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อ PPI มักจะลดลงจนติดลบในช่วงเวลาดังกล่าว และครั้งนี้เราก็ไม่เห็นข้อยกเว้น” หลิว กล่าวพร้อมเสริมว่า อัตราเงินเฟ้อดัชนีราคาผู้ผลิตของจีนน่าจะยังคงติดลบตลอดปี 2025
นักวิเคราะห์ของธนาคารเพื่อการลงทุนระบุในบันทึกลงวันที่ 6 ธันวาคม ว่า โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) คาดว่า ตัวเลข CPI ที่ใกล้ศูนย์จะยังคงอยู่ที่จีนในปีหน้าเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ภาคเศรษฐกิจของเศรษฐกิจจีนบางส่วนได้ แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวบางประการ เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรายงานการเติบโตที่แข็งแกร่ง ของยอดขายปลีกในเดือนตุลาคม ซึ่งดีกว่าที่รอยเตอร์ส คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ กิจกรรมการผลิตของจีนยังขยายตัวเป็นเวลาสองเดือนติดต่อกัน
ผู้นำระดับสูงของประเทศเตรียมประชุมเชิงปฏิบัติการด้าน เศรษฐกิจส่วนกลาง (Central Economic Work Conference) ประจำปีซึ่งจะเริ่มในวันพุธนี้ เพื่อสรุปเป้าหมาย ทางเศรษฐกิจ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับปี 2025
เมื่อวันจันทร์ (2 ธ.ค.67) ที่ผ่านมา ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) ได้ปรับ ลดคาดการณ์การเติบโตของจีดีพี (GDP) จีนในปี 2025 ลง เหลือ 4.3% จาก 4.5% นอกจากนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ซึ่งเป็น บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือยังได้ปรับการคาดการณ์การเติบโตในปี 2026 ลงเหลือ 4.0% จาก 4.3% ในเดือนกันยายน
ไบรอัน โคลตัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ เขียนในรายงานว่า “สำหรับปี 2025 และ 2026 เราคาดว่านโยบายการค้าของสหรัฐต่อจีนจะเปลี่ยนไปในแนวทางกีดกันการค้าอย่างรุนแรง” แม้ว่าจะมี “สัญญาณเบื้องต้นของการมี เสถียรภาพ” ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ แต่การชะลอตัวที่ยาวนานของตลาดอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อการคาดการณ์ของสำนักงาน
นอกจากนี้ จีนมีกำหนดเผยแพร่รายงานข้อมูลการค้าเดือนพฤศจิกายนในวันอังคาร และตัวเลขยอดขายปลีกในวันจันทร์หน้า
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 9 ธันวาคม 2567