ท่องเที่ยว เปิดแผนปี68 มุ่งตลาดคุณภาพปั้นรายได้ 3.2 ล้านล้าน
จากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่รวบรวมโดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ระบุว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 35.54 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26.27% (yoy) สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% (YOY)
ส่วนตลาดคนไทยเที่ยวไทยมีจำนวนประมาณ 198.69 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 7.02% สร้างรายได้ราว 9.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.03%
รายได้รวมหลุดเป้า 4 แสนล้าน :
หากรวมทั้ง 2 ตลาดพบว่าปี 2567 ประเทศไทยมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยวรวมราว 2.6 ล้านล้านบาท ถือว่าพลาดเป้าไปประมาณ 4 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซา สงครามตะวันออกกลาง และการจัดเก็บข้อมูลของการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ครอบคลุมการจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ จึงทำให้ข้อมูลไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายในเชิงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ตั้งไว้ 35 ล้านคน ซึ่งสะท้อนถึงการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง โดยมีอานิสงส์จากมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ Visa Exemption และยกเว้นบัตร ตม.6 สำหรับด่านชายแดนทางบก รวมถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มความถี่ของสายการบินทั้งจากตลาดระยะใกล้และไกล
ขยายฐานนักท่องเที่ยวคุณภาพ :
สำหรับในปี 2568 นี้ รัฐบาล โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯและ ททท.ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 40 ล้านคน สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 1.98-2.23 ล้านล้านบาท มากกว่าปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยรวม 39.5 ล้านคน
“ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า การท่องเที่ยวไทยปี 2568 จะก้าวเข้าสู่ปี Thailand Grand Tourism & Sport Year 2025 โดยจะมุ่งขยายตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพทั้งตลาดระยะใกล้และไกล
และผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นฮับท่องเที่ยวในภูมิภาคต่อเนื่องจากปี 2567 ที่มีปัจจัยหนุนจากการจัดงานเทศกาลและอีเวนต์ต่าง ๆ ในประเทศไทย
อาทิ เทศกาลเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ โครงการ Amazing Thailand Passport Privileges การจัดคอนเสิร์ต แฟนมีตติ้งของศิลปินไทยและต่างชาติ และการท่องเที่ยวตามรอยซีรีส์ สถานที่ถ่ายทำเอ็มวีและภาพยนตร์ไทย รวมถึงงานเคานต์ดาวน์ส่งท้ายปี ที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย และขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเฉพาะ นักท่องเที่ยวคุณภาพ ทั้งในตลาดระยะใกล้และไกล
โฟกัส “จีน-อินเดีย-ยุโรป” :
พร้อมทั้งวางแผนกลยุทธ์ทำการตลาดอย่างเข้มข้น โดยโฟกัสตลาดสำคัญ เช่น อินเดีย จีน และยุโรป พร้อมทั้งขยายฐานตลาดไปยังตลาดใหม่ ๆ เพื่อกระจายรายได้และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป
ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวใหม่ ๆ เช่น การจัดทำแคมเปญการตลาดเชิงรุกในต่างประเทศ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ เช่น ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ฯลฯ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
โดยมองว่าปัจจัยสนับสนุนสำคัญยังคงเป็นเรื่องของ Ease of Travelling, Landmark & มรดกโลกใหม่, ท่องเที่ยวตามรอยสถานที่ถ่ายทำ MV-ภาพยนตร์-ซีรีส์ไทย, World Class Event, Concert Fan Meet ศิลปินไทยและศิลปินต่างชาติ และวันหยุดเทศกาลสำคัญตลาดต่างประเทศ พร้อมทั้งร่วมมือกับสายการบินชั้นนำและบริษัทท่องเที่ยวจัดทำแพ็กเกจท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด และสร้างประสบการณ์ที่คุ้มค่าและน่าจดจำ
ตั้งเป้าเป็น Tourism Hub :
รวมถึงการทำแคมเปญสนับสนุนในรูปแบบต่าง ๆ การปักธงพื้นที่ตลาดใหม่ การกระตุ้นความถี่และการใช้จ่ายตลาดหลัก และการขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ (Quality Leisure) ฯลฯ อาทิ กลุ่มนักท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกา โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายกลุ่ม Millennials, Gen Z และ LGBTQ
กลุ่มนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียจะมีการเน้นกลุ่มไฮเอนด์ Gen X และ Baby Boomer กลุ่มนักท่องเที่ยวแคนาดาเน้นกลุ่ม LGBTQ โดยส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวออสเตรเลียที่จะเน้นกลุ่ม Millennials และกลุ่ม Baby Boomers ที่มีกำลังซื้อสูงและให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและไลฟ์สไตล์ ส่วนนักท่องเที่ยวจีนจะเน้นทำตลาดกลุ่ม First Visit และส่งเสริมการขายกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง
“เราจะยังเน้นสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุก ๆ การเดินทาง และโฟกัส 5 Must Do in Thailand ทั้งในเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว และชูความเป็น Hub of ASEAN และ World Class Event Hub”
ทั้งนี้ เพื่อเป้าหมายทำให้ประเทศไทยเป็น Tourism Hub และเป็น Destination ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริป :
ด้าน “สรวงศ์ เทียนทอง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้ข้อมูลว่า ปี 2568 นี้รัฐบาลจะขับเคลื่อนทั้งการท่องเที่ยวและกีฬา โดยในด้านการท่องเที่ยวนั้นจะต้องเร่งเรื่องเพิ่มการใช้จ่ายต่อคนต่อทริปของนักท่องเที่ยว โดยโฟกัสในตลาดที่เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพมากขึ้น เช่น อินเดีย เป็นต้น
รวมถึงเจรจากับสายการบินเพื่อให้เพิ่มเที่ยวบินเข้าเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) มากขึ้น หรือจะลองทำตลาดในรูปแบบชาร์เตอร์ไฟลต์ก่อนก็ได้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางในพื้นที่เมืองรอง เพื่อนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่
“มั่นใจว่าประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ แต่ระบบการคมนาคมขนส่งยังไม่เอื้อให้กับนักท่องเที่ยวเดินทาง ฉะนั้น การมีไฟลต์บินตรงเข้าเมืองรองจะสามารถกระตุ้นท่องเที่ยวในเมืองรองได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยทำให้เศรษฐกิจกระจายตัวมากยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ ยังมีแผนเชิญทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยมาหารือถึงปัญหาที่อาจยังเป็นอุปสรรค เพื่อปรับปรุงและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคนในปี 2568 นักท่องเที่ยวคนไทยเที่ยวไทย 200 ล้านคน-ครั้ง และมีรายได้รวม 3.2 ล้านล้านบาท
เป้าหมายคือ ตลาดที่มีการใช้จ่ายสูง พำนักนาน อาทิ อินเดีย ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้ ควบคู่กับรักษาตลาดเดิมอย่างจีน ยุโรป และเอเชียตะวันออก พร้อมโปรโมตประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลกต่อเนื่อง
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 5 มกราคม 2568