ต้องเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติ
ประกาศราชกิจจานุเบกษาฉบับลงวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ได้เผยแพร่พระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 ที่จะเก็บเพิ่มขึ้นจากภาษีที่ได้เสียแล้วของกลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติ (Multinational Enterprises : MNEs) หรือเรียกรวม ๆ กันว่า ภาษีบริษัทข้ามชาติ ให้มีผลหลังวันที่ 1 มกราคม 2568 (มีผลยื่นภาษีเงินได้ในปี 2569) เป็นต้นไป พระราชกำหนดฉบับนี้ตราขึ้นมาตามแนวทางมาตรฐานที่องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เป็นผู้กำหนด จากแผนการดำเนินการของประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกหรือภาคยานุวัตร
สาระสำคัญของพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม หรือการเรียกเก็บภาษีจากบริษัทข้ามชาติครั้งนี้ก็คือ มาตรการป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีระหว่างประเทศ จากที่ว่า อัตราภาษีที่แท้จริงของกลุ่มบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ (MNEs) ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 โดยจะเก็บจากบริษัทที่มีรายได้ตามงบการเงินรวมของบริษัทแม่ลำดับสูงสุดไม่น้อยกว่า 750 ล้านยูโรอย่างน้อย 2 ใน 4 รอบระยะเวลาบัญชี โดยให้เสียภาษีขั้นต่ำทั่วโลก (Global Minimum Tax) ในอัตราที่กำหนด (15%)
หากบริษัทข้ามชาติในประเทศไทย ที่มีรายได้เกินกว่า 750 ล้านยูโร ไม่ยอมเสียภาษีนิติบุคคลร้อยละ 15 ก็จะต้องกลับไปเสียภาษีส่วนเพิ่ม ณ ประเทศที่บริษัทแม่นั้นตั้งอยู่ ดังนั้นการออกพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 ฉบับนี้ ในอีกด้านหนึ่งจึงเป็นการ “รักษาสิทธิ” ที่ประเทศไทยจะได้รับผลประโยชน์จากการเก็บภาษีส่วนเพิ่มที่เกิดขึ้นด้วย
สำหรับกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย รวมถึงบริษัทไทยที่เข้าไปลงทุนในประเทศอื่น ๆ ตามปกติจะถูกจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 20 แต่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะได้รับการ “ยกเว้น” หรือ “ลดหย่อน” ภาษีนิติบุคคลต่ำกว่าร้อยละ 15 อยู่แล้ว มีผลทำให้บริษัทเหล่านี้จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่ม (Top-up Tax) เพื่อให้ถึงขั้นต่ำที่ร้อยละ 15 จากการสำรวจของสำนักวิจัยสถาบันทางการเงินเชื่อว่า บริษัทที่มีรายได้ไม่น้อยกว่า 750 ล้านยูโรเหล่านี้จะกระจายอยู่ใน กลุ่มไฟฟ้า/พลังงาน กลุ่มผู้ส่งออกอาหาร กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์กลุ่มแพ็กเกจจิ้ง และ กลุ่มขนส่ง
จะต้องถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นนับเป็น “รายได้” ของประเทศนับ 10,000 ล้านบาท ส่วนความกังวลที่ว่า การเก็บภาษีบริษัทข้ามชาตินั้น จะส่งผลให้นักลงทุนกังวลต่อการที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยหรือไม่นั้น ต้องไม่ลืมว่า จะเรียกเก็บเฉพาะบริษัทข้ามชาติที่มีรายได้เกินกว่า 750 ล้านยูโร ไม่กระทบกับบริษัทขนาดกลางหรือขนาดเล็ก อีกทั้งยังเป็นไปตามแนวปฏิบัติการเก็บภาษีส่วนเพิ่มของนานาชาติที่มีผลบังคับใช้แล้ว 28 ประเทศทั่วโลก จึงควรที่รัฐบาลจะต้องเพิ่มมาตรการสนับสนุนการลงทุนด้านอื่น ๆ นอกเหนือไปจากมาตรการด้านภาษีที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 5 มกราคม 2568