เปิดภาคธุรกิจที่ "ได้ - เสีย" จากภาษีทรัมป์
สงครามการค้าใหม่จากภาษีทรัมป์ เริ่มส่งผลกระทบต่อหุ้นในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ อีคอมเมิร์ซ และเซมิคอนดักเตอร์จากทั้งญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ขณะเดียวกัน โรงกลั่นน้ำมันในเอเชีย กลับได้รับประโยชน์จากภาษีทรัมป์นี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หุ้นเอเชีย ที่พึ่งพาการส่งออก ตั้งแต่ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นไปจนถึงบริษัทอีคอมเมิร์ซจีนร่วงลงอย่างหนัก หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ประกาศใช้มาตรการภาษีระลอกแรก ในอัตรา 25% สำหรับแคนาดา และเม็กซิโก และ 10% สำหรับจีน
“ในเชิงมหภาค เรามองว่าช่องทางที่หุ้นเอเชียอาจได้รับผลกระทบในทันทีคือ การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ” นักกลยุทธ์จาก Nomura Holdings ระบุ “นอกจากนี้ เราเชื่อว่านักลงทุนจะประเมินว่าภาคส่วนหรือพื้นที่ใดในจีนอาจได้รับผลกระทบจากภาษีเหล่านี้มากที่สุด”
นี่คือ บางภาคส่วนในเอเชียที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากสงครามการค้าของทรัมป์:
ผู้ผลิตรถยนต์ :
เนื่องด้วยบริษัทรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นพึ่งพาตลาดอเมริกาเหนือเป็นหลัก และจำหน่ายรถยนต์ที่ผลิตหรือประกอบในเม็กซิโก ส่งผลให้หุ้นของ Toyota Motor, Honda Motor และ Nissan Motor ต่างปรับตัวลดลงอย่างน้อย 5%
ส่วนผู้ผลิตรถยนต์เกาหลีใต้อย่าง Kia ซึ่งมีโรงงานในเม็กซิโก ร่วงลงมากกว่า 5% และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่ต้องการขยายตลาดในสหรัฐ เช่น Li Auto และ XPeng ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีใหม่ โดยหุ้นของพวกเขาร่วงลงอย่างน้อย 6% ในตลาดหุ้นฮ่องกง
อีคอมเมิร์ซ :
หุ้นของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีน เช่น JD.com ปรับตัวลดลง หลังจากทรัมป์ยกเลิกข้อยกเว้นภาษีที่มีมายาวนานสำหรับพัสดุที่มีมูลค่าน้อยกว่า 800 ดอลลาร์
ขณะที่บริษัทจีนที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดเล็ก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการขนส่งสินค้าภายใต้ข้อยกเว้นภาษีดังกล่าว เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของใช้ในบ้าน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ต่างก็เผชิญกับแรงกดดันด้านตลาดเช่นกัน หุ้นของผู้ผลิตชุดกีฬายี่ห้อ Li Ning และผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอย่าง Haier ร่วงลงมากกว่า 7%
เซมิคอนดักเตอร์ :
ผู้ส่งออกชิปรายใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่าง Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. และ Samsung Electronics ปรับตัวลดลง หลังจากที่ทรัมป์ประกาศว่าจะเก็บภาษีชิป พร้อมย้ำคำมั่นดังกล่าวอีกครั้งหลังการพบกับ เจนเซน หวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nvidia เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่น ซึ่งโดยทั่วไปมีรายได้ส่วนใหญ่จากจีน ก็เผชิญแรงกดดันเช่นกัน หุ้นของ Tokyo Electron, Advantest และ Disco ต่างปรับตัวลดลงอย่างน้อย 2%
ผู้ผลิตชิปจีน :
หุ้นผู้ผลิตชิปจีน เช่น Semiconductor Manufacturing International Corp. ปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า มาตรการภาษีทรัมป์ จะกระตุ้นให้จีนเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมให้พึ่งพาตนเองมากขึ้น โดยปักกิ่งพยายามเสริมสร้างขีดความสามารถในการผลิตชิปสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของตนเอง หลังจากที่รัฐบาลวอชิงตันจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีล้ำสมัยไปยังจีน
โรงกลั่นน้ำมัน :
นักวิเคราะห์ กล่าวว่า โรงกลั่นน้ำมันในเอเชียอาจเป็นผู้ชนะจากภาษีของสหรัฐ โดย S-Oil และบริษัทอื่นๆ ในภาคนี้ มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าตลาดโดยรวม มาตรการภาษีการค้าของทรัมป์ที่ใช้กับการนำเข้าน้ำมันจากแคนาดา และเม็กซิโก อาจทำให้โรงกลั่นในเอเชียได้เปรียบเหนือคู่แข่งในสหรัฐ ขณะที่อัตรากำไรจากการขายก็ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเม็กซิโก :
บริษัทฮาร์ดแวร์ปัญญาประดิษฐ์ในไต้หวันที่มีการผลิตในเม็กซิโกได้รับผลกระทบ โดยหุ้นของ Quanta Computer ร่วงลงเกือบ 10% ส่วน Delta Electronics ซึ่งมีการลงทุนในเม็กซิโกก็ปรับตัวลดลง อีกทั้งหุ้นบริษัทผู้ผลิตที่ไม่ใช่ยานยนต์ในภูมิภาคนี้ที่มีโรงงานในเม็กซิโก เช่น LG Electronics ก็ลดลงเช่นกัน
ส่วนหุ้นของผู้ผลิตยาจากอินเดีย และผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีสถานะในเม็กซิโก เช่น Samvardhana Motherson International , Tata Motors และ Lupin ปรับตัวร่วงลง
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 3 มกราคม 2568