จับกระแส DeepSeek แค่แรงพลุ & จุดเปลี่ยนขั้ว AI
DeepSeek – กระแสที่ได้รับความสนใจตั้งแต่ต้นปี 2568 นี้ เรื่องหนึ่งคือ DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัท AI จากจีน เปิดตัว DeepSeek-R1 ชูความเด่นด้านต้นทุนการพัฒนาต่ำกว่าของ OpenAI (เป็นองค์กรวิจัยที่มุ่งเน้นการพัฒนาและส่งเสริมปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นมิตร) อย่างมาก หรือ 5.6 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 7 พันล้านดอลลาร์ แต่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน และจุดต้นทุนที่แท้จริงอาจสูงกว่าที่ประกาศไว้ AI ของ DeepSeek น่าจะทำให้สหรัฐต้องเร่งพัฒนา AI และกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาด AI ทั่วโลก
ช่วงแรกๆ ทั้งการวิเคราะห์จากนักวิชาการ ศูนย์วิจัยต่างๆ รวมถึงธุรกิจสตาร์ตอัพ ออกมาแสดงความเห็นยอมรับตลาด AI ทั่วโลก ถึงจุดเปลี่ยนด้านอิทธิพลเทคโนโลยีต่อการใช้เอไอจากค่ายใดดี
แสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านนวัตกรรมในหลายองค์กร ให้ความเห็นว่า ปี 2568 จะยังเห็นสิ่งที่เกิดเปลี่ยนแปลงต่อจากปี 2567 และมีความท้าทายมากขึ้นในแต่ละมิติ ซึ่งความเสี่ยงมีความชัดเจนมากขึ้นที่ WEF (สภาเศรษฐกิจโลก) ชี้วัดไว้ 5 เรื่องที่ต้องร่วมมือกันของโลก คือ
(1)เศรษฐกิจการค้าและการลงทุน การส่งเสริมการพัฒนาและการฟื้นฟูสมรรถนะทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างโอกาสใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
(2)การขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยี การเร่งอัตราการเจริญเติบโตเศรษฐกิจนวัตกรรมและเทคโนโลยี การร่วมมือและแบ่งปันองค์ความรู้ที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับ Global Talent
(3)การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการลงทุนทางธรรมชาติ การร่วมสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การลดผลกระทบจากโลกร้อนที่ต้องมีเป้าหมายร่วมกัน
(4)สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชากรโลก มุ่งให้ความสำคัญกับผลกระทบคุณภาพชีวิต ปัญหาฝุ่น PM2.5 การแพร่ระบาดโรคภัยต่างๆ มาตรฐานสาธารณสุขของประชาชน และการร่วมมือการวิจัยและพัฒนา ทรัพย์สินทางปัญญาด้านสุขภาพ
(5)สันติภาพและความมั่นคงปลอดภัย การป้องกันและแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ลดผลกระทบสงครามทางภูมิรัฐศาสตร์ สร้างเสถียรภาพโลก กับการเคลื่อนย้ายส่งแรงกระเพื่อมทางเทคโนโลยีนวัตกรรมของมหาอำนาจโลก 2 ขั้ว สหรัฐอเมริกาและจีน ที่สยายปีกครองความเป็นผู้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กุมเหมืองฐานข้อมูลโลกทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การศึกษาและความมั่นคงที่สร้างความมั่งคั่งด้วยความรวดเร็วของการประมวลผล ประสิทธิภาพ ความแม่นยำ เครื่องมือช่วยในการวางยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ การตัดสินใจที่สนับสนุนการขับเคลื่อนทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคม เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทุกมิติ ช่องว่างทางเศรษฐกิจและสังคมจะทวีความรุนแรงขึ้น
หากการเข้าถึง AI ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเป็นไปด้วยความยากลำบากและมีภาระต้นทุนสูง อีกทั้งยังเผชิญความเสี่ยงที่ไม่แน่นอนจากกฎหมาย กฎระเบียบของการใช้ AI ที่เป็นเสมือนดาบสองคม
ความเสี่ยงท่ามกลางสงครามเทคโนโลยี AI ที่เอสเอ็มอีไทยต้องนำมาใช้ประโยชน์ในการช่วยบริหารธุรกิจ การจัดหาวัตถุดิบ การปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ การพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานสินค้า การลดความสูญเสีย สูญเปล่า ลดกระบวนการทำงาน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า การส่งเสริมการตลาด การสร้างแบรนด์ การแสวงหาตลาดใหม่ เป็นต้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยที่ทันสมัย หรือล้าหลัง
นอกจากความกล้า พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพึ่งพาตนเองและใช้กลไกของภาครัฐที่ส่งเสริมมาเป็นประโยชน์เข้าถึงการพัฒนา AI SME อย่างตอบโจทย์และต่อเนื่อง โดยภาครัฐมีหน่วยงานที่ส่งเสริม AI และดิจิทัลเทคโนโลยีหลายแห่ง อาทิ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ETDA NECTEC (สวทช.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA และหน่วยบ่มเพาะของมหาวิทยาลัยต่างๆ อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นต้น
ซึ่งควรมีการเชื่อมโยง
บูรณาการมาตรการส่งเสริม AI ให้ SME ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่คุ้มค่าผ่านการสนับสนุนระบบนิเวศดิจิทัลเทคโนโลยีและ AI
1)Digital-AI Citizenship โครงสร้างระบบการศึกษาดิจิทัลเทคโนโลยีและ AI ที่สามารถเข้าถึงทุกช่วงวัย พร้อมกลไกการปรับวุฒิการศึกษา ทักษะ ขีดความสามารถแรงงานทักษะสูงรองรับตลาดแรงงานและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจใหม่ ประเทศไทยจะเผชิญปัญหาการขาดแคลนแรงงานทักษะสูงด้านดิจิทัลและ AI ส่งผลต่ออัตราเร่งทางเศรษฐกิจดิจิทัล การยกระดับทักษะที่หลากหลายแบบผสมผสาน Fusion-skills การปรับตัวเรียนรู้ได้รวดเร็ว ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีและเป็นมืออาชีพ เน้นงานที่มีคุณภาพ
2)Digital-AI Service Providers การพัฒนายกระดับ Digital Technology and AI Service Providers (DASP) ให้กับผู้ประกอบการทุกขนาดเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการให้บริการของ DASP ให้เข้าถึงผู้ประกอบการภาคธุรกิจต่างๆ ที่สามารถเลือกใช้ระบบ iOT Software Application ERP Mini ERP เป็นต้น ด้วยต้นทุนที่ต่ำและเร่งอัตราการเข้าถึงเทคโนโลยีของเอสเอ็มอี
ด้วยการพัฒนาผู้ให้บริการ รวมทั้งการนำ AI มาพัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะเพื่อทดแทนแรงงาน
3)Digital-AI SME Internal Trade กับการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการรายย่อยให้ใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีและ AI ส่งเสริมการสร้างรายได้เพิ่มและขยายตลาดจากท้องถิ่นสู่ภูมิภาคตลอดจนทั่วประเทศได้ด้วย
4)Digital-AI SME Exporters สร้างนักรบเอสเอ็มอีภาคการส่งออก การส่งเสริม AI กับการพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการเพิ่มจำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอีให้มากขึ้นอย่างมีเป้าหมาย และช่วยให้การใช้ AI ในการแสวงหาตลาดใหม่ แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค สินค้า บริการที่เป็นที่ต้องการของตลาดในแต่ละภูมิภาค ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์และนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน หาช่องว่างทางการตลาดเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกของเอสเอ็มอี
5)Digital-AI Government การปรับบทบาทภาครัฐให้ทันสมัยรองรับเทคโนโลยีและส่วนสำคัญในการผลักดันผู้ประกอบการไทยไปสู่สากลประเทศเศรษฐกิจใหม่ การพัฒนา AI ที่จะต้องนำมาใช้ปรับกระบวนการทำงานของภาครัฐ อาทิ การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ และข้อเสนอแนะในการดำเนินธุรกิจในประเทศ ระหว่างประเทศ ภูมิภาคต่างๆ อาทิ CLMV Asian RCEP BRICS เป็นต้น การใช้ประโยชน์จาก FTA ของอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ได้อย่างไรบ้าง การแบ่งปันให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงข้อมูลที่ใช้ในการหาตลาดใหม่ นอกจากนั้นการปรับฐานข้อมูลของประเทศด้านนิยามต่างๆ เพื่อให้ตัวชี้วัดมีความท้าทาย อีกทั้งการเชื่อมองค์ความรู้ Digital-AI ของสถาบันการศึกษาที่ต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน งบประมาณ กำลังคน และกลยุทธ์ในการส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยี การเร่งขยายตัวของผู้ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และใช้ปัญหาของผู้ใช้มาตอบโจทย์แก้ไขปรับปรุงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคม
6)Digital-AI Law การออกกฎหมายกำกับและส่งเสริมเทคโนโลยี AI ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีโลก และเพื่อความมั่นคง ความปลอดภัย ความเชื่อมั่นไว้วางใจ และมีจริยธรรม ธรรมาภิบาลในการใช้งานที่จะไม่สร้างผลกระทบให้กับผู้ใช้ ผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ อย่างรอบด้าน และสื่อสารสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนภาคส่วนต่างๆ
การเข้ามาของ DeepSeek จากจีน เป็นผลผลิตที่ทรงอานุภาพในการสร้างการถ่วงดุลอำนาจทางเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับมหาอำนาจอันดับหนึ่งอย่างสหรัฐอเมริกา การแข่งขันขับเคี่ยวด้านประสิทธิภาพ ความแม่นยำในการใช้งาน ด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการให้บริการ ด้านความปลอดภัยไว้วางใจ จะเป็นประเด็นสำคัญกับการขยายตลาดผู้ใช้
ส่วนประเทศไทยต้องเร่งวางยุทธศาสตร์เป้าหมาย Digital-AI ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับสงครามเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เป็นทั้งกับดักและโอกาสให้ประชาชน แรงงาน ผู้ประกอบการ และภาครัฐ สร้างการเจริญเติบโตขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมก้าวข้ามความยากจน อาจพึ่งพา AI ต่างชาติชั่วคราว แต่ระยะกลางต้องเร่งพัฒนา AI ใช้เองเพื่อความยั่งยืนของประเทศ
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568